“ดาวโจนส์” ปิดพุ่ง 377.19 จุด นักลงทุนแห่ซื้อหุ้น หลังปรับตัวรับดอกเบี้ยขาขึ้น

“ดาวโจนส์” ปิดพุ่ง 377.19 จุด นักลงทุนแห่ซื้อหุ้น หลังปรับตัวรับดอกเบี้ยขาขึ้น โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,151.71 จุด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (9 ก.ย.) และปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้เป็นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนได้พากันเข้าซื้อหุ้น โดยมองข้ามความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และดูเหมือนว่านักลงทุนได้ปรับตัวรับแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมเดือนนี้

โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,151.71 จุด เพิ่มขึ้น 377.19 จุด หรือ +1.19%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,067.36 จุด เพิ่มขึ้น 61.18 จุด หรือ +1.53%  และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,112.31 จุด เพิ่มขึ้น 250.18 จุด หรือ +2.11%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 2.7%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 3.6% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 4.1%

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การฟื้นตัวของตลาดหุ้นนิวยอร์กในสัปดาห์นี้ เป็นผลมาจากแรงซื้อคืน หลังจากตลาดถูกเทขายมากเกินไปจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในระดับสูงของสหรัฐ, การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกของเฟด ตลอดจนสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรปและจีน

โดยนับตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้ ตลาดได้ปรับตัวรับความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดที่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงการที่ธนาคารกลางยุโรปและแคนาดาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.75% ในสัปดาห์นี้

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 90% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ เพิ่มขึ้นจากระดับ 57% ในสัปดาห์ก่อน

ขณะที่นักลงทุนจะรอการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันอังคารหน้า (13 ก.ย.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ว่า ภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐชะลอตัวลงหรือไม่ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI อาจเพิ่มขึ้นแตะ 8.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอลงเมื่อเทียบกับ 8.5% ในเดือนก.ค.

สำหรับหุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น โดยกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร, กลุ่มเทคโนโลยี, กลุ่มพลังงาน และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยนำตลาดปรับตัวขึ้น

หุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นโครเกอร์ (Kroger) บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 7.4% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการทั้งปี และหุ้นทาเพสทรี (Tapestry) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตกระเป๋าถือหรูหรา พุ่งขึ้น 2.7% หลังบริษัทคาดว่ารายได้ภายในปีงบการเงิน 2568 จะแตะ 8 พันล้านดอลลาร์

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยในวันศุกร์ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.8% หลังจากดีดตัวขึ้น 1.8% ในเดือนมิ.ย. และเมื่อเทียบรายปี สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งพุ่งขึ้น 25.1% ในเดือนก.ค. และยอดขายในภาคค้าส่งลดลง 1.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนมิ.ย.

Back to top button