GULF รุกไฟฟ้ามะกัน 1,200 MW โบรกมองบวก ชี้กำไรเฉลี่ย 3 ปี 28% อัพเป้า 60 บ.
GULF เข้าทำสัญญาซื้อหุ้นกับ J-POWER หนึ่งในกิจการ IPPs ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ลงทุน 49% ในโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงในสหรัฐ โบรกมองเข้าไปลงทุนในปีนี้ ได้ปรับเพิ่มกําไรปี 2565 ขึ้นอีก 3-8% และคาดว่ากําไรสุทธิในปี 2565-2567 จะโตถึง 28% ดังนั้นยังแนะนํา “ซื้อ” เพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 60 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เข้าทำสัญญาซื้อหุ้นกับ J-POWER (หนึ่งในกิจการ IPPs ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นพันธมิตรของ GULF) เพื่อเข้าไปลงทุน 49% ในโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงในสหรัฐ (Jackson Generation) ด้วยงบลงทุน 409.6 ล้านดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 1.49 หมื่นล้านบาท บริษัทแห่งนี้ขายไฟฟ้าให้กับ Pennsylvania-New Jersey-Maryland Interconnection (PJM) ผ่านตลาด merchant market ซึ่งเป็นองค์การที่ดูแลการจัดส่งไฟฟ้าระดับภูมิภาคที่มี reliability และอุปสงค์ใช้ไฟฟ้าในมือสูงที่สุดในสหรัฐ ทั้งนี้ Jackson Generation อ้างว่าเป็นโครงการที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตไฟฟ้าตํ่าที่สุดในบรรดาโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงในสหรัฐ โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ที่รัฐ Illinois มีกําลังการผลิตไฟฟ้า 1,200 เมกะวัตต์ และเริ่มเปิดดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2565 GULF กำหนดจะปิดดีลนี้ในเดือนธันวาคม 2565
ทั้งนี้ผู้บริหารมองดีลนี้จะส่งผลดีต่อ GULF 3 ด้าน ด้านแรกดีลนี้จะทำให้กําลังการผลิตของ GULF เพิ่มขึ้น 588 เมกะวัตต์ หรือ 7.3% ของ 8,090 เมกะวัตต์ เป็น 8,678 เมกะวัตต์ ด้านที่สอง Jackson Generation เหนือกว่าโรงไฟฟ้าละแวกใกล้เคียงในแง่ของ heat rate ที่ตํ่ากว่า (Figure 2-5) จากแหล่งก๊าซและน้ำที่สมบูรณ์, เทคโนโลยีที่ทันสมัย และอายุน้อย ส่วนด้านที่สาม ดีลนี้จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง GULF และ J-POWER (ซึ่งเป็นพันธมิตร GULF มาหลายปี) แนบแน่นขึ้น อีกทั้งการที่ดีลนี้เป็นการเจรจาโดยตรงกับผู้ขาย ไม่ได้ผ่านประมูล จึงทำให้ได้ราคาดีที่ 0.7 ดอลลาร์/เมกะวัตต์ (เมื่อเทียบกับดีลที่ Electricity Generating (EGCO.BK/EGCO TB)* เข้าซื้อ Linden ที่ 0.7 ดอลลาร์/เมกะวัตต์ และดีลที่ Banpu Power (BPP.BK/BPP TB)* เข้าซื้อ Temple I ที่ 0.6 ดอลลาร์/เมกะวัตต์) ทั้งนี้ GULF คาดว่าจะหาดีลลงทุนในตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตของอุปสงค์สูงอย่างสหรัฐได้อีก โดยอาจเป็นพลังงานหมุนเวียน, LNG และธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองบวกกับการเข้าลงทุนนี้ ซึ่งเป็นการโครงการใหญ่โครงการแรกที่ GULF เข้าไปลงทุนในปีนี้ ได้ปรับเพิ่มกําไรปี 2565 ขึ้นอีก 3-8% เพื่อสะท้อนถึง 1) กําไรของ Jackson Generation (1.5-2 พันล้านบาทต่อปี) โดยอิงจาก EIRR ของโครงการที่ 18%, สัดส่วน D/E ที่ 1:1, อายุของ PPA ที่ 40 ปี, capacity factor ที่ 85%, AF ที่ 95% และ2) สัดส่วนการถือครองหุ้นใน BKR2 ที่ลดลง (เหลือ 25% จากเดิม 50%)
โดยคาดว่ากําไรสุทธิในปี 2565-2567 จะโตถึง 28% จากงวดเดียวกันของปีก่อน CAGR ซึ่งสูงกว่าของหุ้นอื่นในกลุ่ม ในขณะเดียวกันยังคาดว่าผลการดําเนินงานของ GULF ในครึ่งหลังของปี 2565 จะออกมาน่าประทับใจด้วยเช่นกัน
ดังนั้นยังแนะนํา “ซื้อ” เพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 60 บาท (เดิม 57 บาท) ยังคงเลือก GULF เป็นหุ้นเด่น โดยคาดว่าหุ้นจะยังคง outperform หุ้นในกลุ่ม และมองเห็น upside ราว 3 บาท/หุ้น จากความเป็นไปได้ 100% ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำสามโครงการ จากปัจจุบันที่เราใส่ไว้ในประมาณการ 80%