“บล.พาย” มอง SET สัปดาห์นี้ 1,640-1,670 จุด ชู 10 หุ้น “พลังงาน-แบงก์-ค้าปลีก-สื่อสาร”
บล.พาย ประเมินสัปดาห์นี้ 1,640-1,670 จุด ปัจจัยหลักเงินเฟ้อสหรัฐฯ แต่เชื่อว่าจะใกล้เคียงตลาดคาด พร้อมชู 10 หุ้น “พลังงาน-แบงก์-ค้าปลีก-สื่อสาร”
บล.พาย (Pi) ระบุว่า สัปดาห์นี้ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ที่ 1,640-1,670 จุด เชิงกลยุทธ์การลงทุนหากตลาดหุ้นปรับขึ้นยังมองเป็นโอกาสลดพอร์ตมากกว่าจะไล่ราคาเนื่องจากระดับ Valuation ที่มิได้ถูกประกอบกับยังมีความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะทรงตัวสูงและดอกเบี้ยยังปรับขึ้นต่อ ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น
โดยตลาดหุ้น Dow Jones ในวันศุกร์ปรับขึ้นราว 1.2% ในภาพรวมยังมิได้มีปัจจัยใดๆที่มีนัยสำคัญเป็นเพียงแรงซื้อปกติเท่านั้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 และ 10 ปียังคงปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นตัวสะท้อนถึงความกังวลเงินเฟ้อที่ยังมิจบลง ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT พลิกกลับมาฟื้นตัวเด่น 4.1% หลักๆ คล้ายว่านักลงทุนกลับมาให้กับปัจจัยอุปทานขาดแคลนหลังจากรัสเซียยังคงยืนยันที่จะระงับการส่งพลังงานให้กับชาติตะวันตก ระยะสั้นมองกลุ่มน้ำมันจะได้ประโยชน์ (PTTEP)
ขณะที่สัปดาห์นี้ปัจจัยหลักยังคงเน้นไปที่ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯที่มีกำหนดรายงานในคืนวันอังคาร Bloomberg Consensus คาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐฯประจำเดือน ส.ค. จะขยายตัว +8% จากปีก่อน, -0.1% จากเดือนก่อน ทั้งนี้ หากพิจารณาราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในภาพรวมของ Bloomberg Commodity (BCOM) พบว่าในเดือน ส.ค. ลดลงจากเดือนก่อน ราว -0.2% จากเดือนก่อน ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับที่ตลาดประเมินไว้
โดยหากเงินเฟ้อสหรัฐฯประกาศออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดหมายไว้ก็จะเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดหุ้นปรับขึ้นได้และ Dollar Index มีโอกาสพลิกลงมาอ่อนค่าพร้อมกับค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่า ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่กระแสเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้ามาตลาดหุ้นไทย มองหุ้นขนาดใหญ่ได้ประโยชน์ อาทิ ธนาคาร พลังงาน รวมถึงค้าปลีก
ขณะที่ถัดมาจะเป็นตัวเลข PPI ของสหรัฐฯในวันพุธ Bloomberg คาดการณ์จะขยายตัว +8.8% จากปีก่อน -0.1% จากเดือนก่อน หากต่ำกว่าคาดก็จะเป็นบวกต่อตลาดหุ้น ส่วนวันพฤหัสจะเน้นหลักไปที่ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ประกอบไปด้วย (1) ดัชนีภาคการผลิตรัฐนิวยอร์ก Bloomberg คาดการณ์ที่ -15 (2) ยอดค้าปลีกสหรัฐ Bloomberg คาดจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน หากประกาศต่ำกว่าคาดการณ์ก็จะยิ่งทำให้ตลาดผ่อนคลายกับเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม ด้วยตลาดหุ้นไทยหรือแม้กระทั่ง Dow Jones ปรับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดแล้ว 7.9% และ 7.6% ตามลำดับ ก็เชื่อว่าสะท้อนปัจจัยบวกเงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุดไปพอสมควร ดังนั้นมิได้คาดหวัง Upside มากนักหากเงินเฟ้อประกาศต่ำกว่าคาด ขณะเดียวกันเงินเฟ้อที่ 8% ก็ยังห่างไกลจากเป้าหมายของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ย้ำชัดว่าต้องการที่ 2% ดอกเบี้ยจึงยังมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อแม้เงินเฟ้อจะผ่านจุดสูงสุด
ส่วนหุ้นแนะนำได้แก่กลุ่มน้ำมัน (PTTEP) ธนาคารพาณิชย์ (BBL, KBANK, SCB, TISCO) ค้าปลีก (BJC, CRC, CPALL, DOHOME) สื่อสาร (ADVANC)
สำหรับ PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 179.00 บาท) คาดคาดกำไรโตแข็งแกร่งต่อเนื่องในครึ่งหลังปี 65 เพราะผู้บริหารให้แนวทางปริมาณขายที่โตอีก 16% จากปีก่อน และ 9% เทียบกับครึ่งปีแรก เป็น 487kBOED หนุนจากการเร่งผลิตจากโครงการ G1/61 (เอราวัณ) และแอลจีเรียที่เริ่มเดินเครื่องใน Q2/65 นอกจากนี้บริษัทจะรับรู้ปริมาณขายเต็มปีจากโครงการ Malaysia Block H และ Oman block 61 ในปี 65
ด้าน KBANK (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 174.00 บาท) คงประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่ 14% จากปีก่อน สำหรับปี 65 และ 10% จากปีก่อน ในปี 66 หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้นและการตั้งสำรองหนี้ฯ ที่ลดลง คาดค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่ลดลงเป็น 150bp ในปี 65 และ 130bp ในปี 66 เทียบกับ 173bp ในปี 64