จับตา JMT-SINGER วิ่ง! รับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 1 ต.ค.นี้ ย้ำกำไร Q3 จ่อทุบสถิติสูงสุดใหม่
โบรกเชียร์ “ซื้อ” หุ้น JMT-SINGER รับอานิสงส์ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 1 ต.ค.นี้ JMT ใส่เกียร์เดินหน้าซื้อหนี้จากสถาบันการเงินเพิ่มตามเป้า 1 หมื่นล้านบาทภายใน Q4 ประเมินกำไรสุทธิ Q3 นิวไฮต่อกว่า 450-500 ล้านบาท ให้ราคาเป้าหมาย 80.50 บาท ขณะที่ SINGER ไม่น้อยหน้า Q3 กำไรทุบสถิติใหม่ ราคาเป้าหมาย 58 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT และบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER อยู่ในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ที่จะมีผลในวันที่ 1 ต.ค.นี้
โดยนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ยังคงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น JMT เป้าเชิงกลยุทธ์ 80.50 บาท เนื่องจากเตรียมซื้อหนี้เสียในไตรมาสที่ 4/65 เพิ่ม โดยคงเป้าปีนี้ที่ 1 หมื่นล้านบาท หลังครึ่งปีซื้อไปเพียง 1.1 พันล้านบาท ประเมินในปีนี้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เตรียมขายหนี้เสียออกมามากครึ่งปีหลังหมดมาตรการเยียวยาเกือบทั้งหมด
ทั้งนี้ ประเมินกำไรไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 450-500 ล้านบาท เติบโตทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ต้นทุนการเงินลดลงหลังชำระเงินกู้ไป 1.7 พันล้านบาท ในไตรมาส 4/65 จะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทบริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด หรือ JKAM ทั้งนี้ บล.ดาโอ ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ที่ 1.96 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิปี 66 ที่ 2.99 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้น SINGER ราคาเป้าหมาย 58 บาท ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ที่เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ 13 ก.ย. และมีผล 1 ต.ค. นี้
สำหรับแนวโน้มธุรกิจอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวทั้งจำนำทะเบียน และเช่าซื้อ รวมถึงการได้เงินสนับสนุนเพิ่มทุนรวม 1 หมื่นล้านบาท จะช่วยเร่งการเติบโตในปี 65 คาดสินเชื่อขยายตัวสู่ 1.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ด้านกำไรสุทธิ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 68% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และปี 66 คาดสินเชื่อขยายตัว 2.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% จากงวดเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 มีโอกาสทำ New high ต่อเนื่องจากพอร์ตสินเชื่อโต มีแนวโน้มการเติบโตที่สูงกว่ากลุ่ม โดยฐานสินเชื่อยังอยู่ในระดับต่ำราว 1.6 หมื่นล้านบาท เทียบบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ระดับ 5 หมื่นล้านบาท ยังมีโอกาสในการเติบโตสูง รวมทั้งปลอดภัยจากมาตรการควบคุมดอกเบี้ยเช่าซื้อ