คัด 19 หุ้น รับประโยชน์ “เฉิงตู” ส่อล็อกดาวน์ยาว
“เฉิงตู” ล็อกดาวน์ยาว เลี่ยงลงทุนกลุ่ม ท่องเที่ยว-สายการบิน-ชิ้นส่วนยานยนต์-Logistic-พลังงาน ขณะที่ลงทุนหุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์ หุ้นกลุ่มเกษตร-อาหาร-กลุ่มอิงกำลังซื้อในประเทศ-กลุ่มผู้บริโภค-กลุ่มการเติบโตสูงและเทคโนโลยีดิจิทัล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเฉิงตูซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลเสฉวนในประเทศจีน ได้ประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์พื้นที่ส่วนใหญ่อย่างไม่มีกำหนดในวันนี้ (8 ก.ย.65) โดยหวังที่จะสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในเมืองซึ่งมีประชากรราว 21.2 ล้านคน และต่อมาเจ้าหน้าที่เมืองเฉิงตูได้สั่งขยายเวลาล็อกดาวน์ออกไปอีกโดยไม่ได้แจ้งกำหนดวันสิ้นสุด เนื่องจากต้องการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยระบุว่า ยังคงมีความเสี่ยงของการแพร่ระบาดในบางพื้นที่
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ในเมืองเฉิงตูระบุว่า ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ซึ่งยังคงมีการล็อกดาวน์นั้น จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อทุกวัน และจะมีการปูพรมตรวจหาเชื้อให้กับผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ซึ่งได้ประกาศยุติการล็อกดาวน์ในวันที่ 9 และ 11 ก.ย.
อย่างไรก็ตาม จีนกำลังต่อสู้เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนที่สามารถระบาดได้อย่างรวดเร็ว โดยกำหนดให้มีการล็อกดาวน์หลายระดับในเมืองต่างๆ เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาด
ดังนั้นเมื่อเมืองเฉิงตูยังคงมีการล็อกดาวน์โดยไม่มีกำหนดวันสิ้นสุดอาจทำให้อุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ทาง บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า กลุ่มที่กระทบจากการ Lockdown เฉิงตู คือ ชิ้นส่วนยานยนต์, ผู้จำหน่ายสินค้าไอที
ส่วนที่กลุ่มที่มีความเสี่ยงถูกปรับลดกำไรในระยะถัดไป หากจีนคลาย ZCS ล่าช้า คือ โรงแรม, การบิน, พลังงาน, โลจิสติกส์ และ Domestic ที่อิงความต้องการจีน โดยรวมสร้างความเสี่ยงต่อประมาณการกำไร SET ที่ตลาดประเมินปี 65-66 ที่ 104 และ 110 บาท
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นให้หลีกเลี่ยงลงทุนกลุ่มที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบอย่างท่องเที่ยว, สายการบิน, ชิ้นส่วนยานยนต์, โลจิสติกส์, พลังงาน
อย่างไรก็ตามให้ลงทุนหุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าว ได้แก่ หุ้นกลุ่มเกษตร อาหาร อย่าง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF
พร้อมกับกลุ่มอิงกำลังซื้อในประเทศอาทิ กลุ่ม Anti-Commodities ได้แก่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC, บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM, บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA, บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF
ขณะเดียวกันยังมีกลุ่มผู้บริโภค ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO, บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC, บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP,
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK, บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB, บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI, บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC, บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE
กลุ่มการเติบโตสูง และเทคโนโลยีดิจิทัล ได้แก่ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT, บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER, บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 และ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เป็นหลัก