ดักเก็บ 4 หุ้นอสังหาฯ ลุ้น Q3 โตเด่น รับยอดขายต่างชาติฟื้น ชู AP ท็อปพิก

ดักเก็บ 4 หุ้นอสังหาริมทรัพย์ โบรกชี้ไตรมาส 3/65 โตเด่น รับอานิสงส์จากยอดขายต่างชาติฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังโควิดคลี่คลาย ชู AP-ORI ท็อปพิก ยังคงมองยอดแบ็กล็อกคอนโดมิเนียมแข็งแกร่ง และมีโครงการอยู่ในช่วงราคาระดับกลางถึงสูง


บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (15 ก.ย.2565) ว่าทางฝ่ายวิจัยมองแนวโน้มกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยอัตรา Take-up rate ในงวด 8 เดือนในปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปี 2564 อยู่ที่ 27% ส่วนอัตรา take-up rate ของโครงการที่เปิดใหม่ทยอยเพิ่มขึ้นอยางต่อเนื่องเป็น 30% ในงวด 8 เดือน ปี 2565 จาก 27% ในปี 2564 และจาก 26% ในปี 2563

สำหรับในระยะต่อไป ทางฝ่ายวิจัยคาดว่าอัตรา take-up rate และภาวะตลาดโดยรวมจะเร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตามสถานการณ์โควิด-19 ที่คุมได้ดีต่อเนื่อง และสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นของผู้ซื้อต่างชาติ ในขณะเดียวกันประมาณ 65% ของโครงการที่เปิดใหม่ในปีนี้ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ศึกษาอยู่จะเน้นอยู่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ซึ่งจะช่วย sentiment ทั้งในส่วนของอุปสงค์ที่แท้จริง และผู้ซื้อเพื่อลงทุน

โดยมีสัญญาณการฟื้นตัวของผู้ซื้อต่างชาติชัดเจนมากขึ้น ในช่วงก่อนที่จะเกิดระบาด อุปสงค์ต่างชาติมีบทบาทสำคัญในตลาดคอนโดมิเนียม โดยคิดเป็นสัดส่วน 15-17% ของยอดขายคอนโดมิเนียมรายปีในช่วงปี 2561-2562 จากนั้นสัดส่วนของผู้ซื้อต่างชาติก็กลับลดลงอย่างมีนัยสำคัญเหลือ 4-5% ในปี 2563-2564 จากการระบาดของโรคโควิด-19

สำหรับในงวดครึ่งแรกของปี 2565 เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของผู้ซื้อต่างชาติบ้างแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่มาจากผู้ซื้อชาวจีน สัดส่วนดังกล่าวขยับเป็น 9% ของยอดขายคอนโดมิเนียมทั้งหมด สำหรับระยะถัดไปในครึ่งหลังของปี 2565 จนถึงปี 2566 โดยคาดว่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นอีกเนื่องจาก 1) ประเทศไทยมีสถานะเป็นกลางท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์ ซึ่งอาจจะทำให้ที่อยู่อาศัยของไทยดูน่าสนใจมากขึ้นในสายตาของผู้ซื้อต่างชาติ และ 2) มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ลงแล้ว

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบล่าสุดกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ทางฝ่ายวิจัยศึกษาอยู่ ผู้บริหารยืนยันว่าโมเมนตัมของอุปสงค์จากต่างชาติยังดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3/65 ซึ่งไม่ได้มาจากผู้ซื้อชาวจีนเท่านั้น แต่ยังมีอุปสงค์เพิ่มเติมมาจากสิงคโปร์และเมียนมารด้วย

อย่างไรก็ดี นอกจากตลาดคอนโดมิเนียมแล้ว ก็ยังมีผู้ประกอบการบางรายพบว่ามีอุปสงค์จากต่างชาติในส่วนของโครงการแนวราบที่เปิดขายด้วย แต่ยังถือว่าเป็นกลุ่ม niche ในประเภทบ้านหรูเท่านั้น

โดยรวมแล้ว มีมุมมองเชิงต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์จากผู้ซื้อต่างชาติ และเป็นสัญญาณดีที่จะช่วยสนับสนุนวัฎจักรจากการฟื้นตัวในระยะต่อไป นอกจากนี้ ข้อมูลจาก Agency for Real Estate Affairs (AREA) ยังแสดงสัญญาณว่าผู้ซื้อต่างชาตินิยมคอนโดมิเนียมระดับกลางที่มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านบาท

ดังนั้น จึงคาดว่าผู้ประกอบการที่มีโครงการคอนโดมิเนียมระดับกลางเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP, บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI, และ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH น่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับอานิสงค์ประเด็นนี้

นอกจากนี้ ยังคงมองหุ้นที่มียอดแบ็กล็อกคอนโดมิเนียมแข็งแกร่ง หรือมีโครงการที่อยู่ในช่วงราคาระดับกลางถึงสูง โดยยังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ Overweight โดยเลือก AP,บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH, และ ORI, บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มนี้

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP ระบุว่า โมเมนตัมของกำไรจะยังแข็งแกร่งในไตรมาส 3/2565 จากจำนวนลูกค้า Walk-in ในเดือนกรกฎาคม 2565 ยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 1,085 เที่ยว/สัปดาห์ สำหรับในระยะต่อไป คาดว่าโมเมนตัมของกำไรจะเร่งตัวขึ้นในไตรมาส 3/65 ทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนและจากไตรมาสก่อนหน้า จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่องของโครงการแนวราบ และจะเริ่มโอนโครงการคอนโดมิเนียม JV 2 โครงการ ได้แก่ Rhythm Ekkamamai Estate ขายได้แล้ว 30%  มูลค่าโครงการ 3.2 พันล้านบาท และ Life Sathorn Sierra ขายได้แล้ว 56% มูลค่าโครงการ 6.3 พันล้านบาท

บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH ระบุว่า สำหรับในระยะต่อไป ทางฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 3/2565 จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากจะมียอดโอนโครงการ The Key พระราม 3 อย่างต่อเนื่องและคาดว่าผลการดำเนินงานของโครงการแนวราบจะแข็งแกร่ง ทั้งนี้เนื่องจากมองบวกกับแนวโน้มผลการดำเนินงานโครงการแนวราบ และธีมการเปิดประเทศซึ่งจะช่วยสนับสนุนธุรกิจโรงแรมและธุรกิจการเช่า

บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH ระบุว่า คาดว่าโมเมนตัมของกำไรจะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในครึ่งหลังของปี 2565 เนื่องจากจะมีคอนโดมิเนียมใหม่ที่พร้อมโอนถึง 7 โครงการ อย่างเช่น Chapter จุฬา สามย่าน และ Chapter เจริญนคร-ริเวอร์ไซด์ รวมถึงบริษัทมีแผนจะเปิดโครงการแนวราบเพิ่มอีก

Back to top button