WTI หลุด 83 เหรียญ วิตก “เฟด” เร่งขึ้นดอกเบี้ย กดดันดีมานด์น้ำมันลด
น้ำมัน WTI ดิ่งหลุด 83 เหรียญ ขณะที่เบรนท์หลุด 89 เหรียญ ท่ามกลางความกังวล “เฟด” เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย กดดันดีมานด์น้ำมันลดลง ขณะที่นักลงทุนวิตกอุปสงค์น้ำมันหยุดชะงักไตรมาส 4/65 เหตุเศรษฐกิจจีนชะลอตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุด WTI หลุดระดับ 83 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์หลุด 89 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลที่ว่าการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะทำให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย และส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
โดยราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะลดความน่าดึงดูดของสัญญา โดยทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ณ เวลา 18:53 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนต.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลบ 2.42 ดอลลาร์ หรือ 2.84% สู่ระดับ 82.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลบ 2.36 ดอลลาร์ หรือ 2.58% สู่ระดับ 88.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 80% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.65 และให้น้ำหนัก 20% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00%
อย่างไรก็ตาม หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ย. ก็จะส่งผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 หลังจากปรับขึ้น 0.75% ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. และหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ก็จะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปี
นอกจากนี้ นักลงทุนวิตกต่ออุปสงค์น้ำมัน หลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยว่า การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะหยุดชะงักลงในไตรมาส 4/65 โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน และกลุ่มประเทศในองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)