สัญญาณดี! “ตุลาการอิสระ” เห็นควรยกฟ้อง “แอชตัน อโศก” ลุ้นองค์คณะศาลปกครองสูงสุดตัดสินต่อ

สัญญาณดีต่อ "อนันดา" ตุลาการผู้แถลงคดีความเห็นอิสระให้ความเห็นควรยกฟ้อง “แอชตัน อโศก” แต่ยังไม่ถือเป็นคำตัดสิน ลุ้นองค์คณะศาลปกครองสูงสุดตัดสินต่อ คาดใช้เวลา 1-2 เดือน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีแอชตัน อโศก ศาลปกครองสูงสุดพิจารณานัดแรกวันนี้ (20 ก.ย. 65) ระหว่างสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กับพวกรวม 16 คน ฟ้อง กทม. และการรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยมีตัวแทนจาก บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN เป็นผู้ร้องสอดกรณีพิพาทหน่วยงานทางปกครองอนุมัติโครงการไม่ชอบด้วยกฎหมาย

โดย ตุลาการผู้แถลงคดีให้ความเห็นหลังจากฟังแถลงข้อเท็จจริงว่า กรณี รฟม. อนุญาตให้โครงการแอชตัน อโศก ใช้ที่ดินที่เวนคืน เพื่อเป็นทางเข้าออกขยายถนนจากความกว้าง 6.4 เมตร เป็น 13 เมตร สอดรับกับกฎหมายควบคุมอาคาร ซึ่ง รฟม. ได้รับประโยชน์เป็นอาคารจอดรถและอาคารสำนักงานมูลค่า 97 ล้านบาท เป็นการดำเนินการโดยชอบคำอุทธรณ์ฟังขึ้น

ดังนั้น ตุลาการผู้แถลงคดีจึงมีความเห็นโครงการดำเนินการไปโดยชอบควรกลับคำพิพากษาศาลปกครองกลาง (ศาลชั้นต้น) ให้ยกฟ้องจำเลยทุกคดี

อย่างไรก็ตามความเห็นของตุลาการผู้แถลงคดี เป็นเพียงความเห็นอิสระ “ไม่ได้” นำมาพิจารณาร่วมกับการตัดสินของตุลาการเจ้าของสำนวน จึงยังต้องรอคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลปกครองสูงสุดอีกครั้ง คาดว่าต้องใช้ระยะเวลา 1-2 เดือนจากนี้หรือเร็วสุด 1-2 สัปดาห์

ขณะที่ นายพิสิษฐ เดชไชยยาศักดิ์ ผู้รับมอบอำนาจ ผู้ร้องสอด บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด และที่ปรึกษากฎหมายจากสำนักงาน WCP ได้ให้สัมภาษณ์หลังการพิจารณาว่าคำแถลงการของตุลาการผู้แถลงคดีว่าเป็นสัญญาณบวกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ ประชาชน และสถาบันการเงิน

ทั้งนี้ เพราะคดีดังกล่าวมีผลกระทบต่อวงการอสังหาฯ สถาบันการเงิน ยกฟ้อง รวมทั้งลูกบ้านที่เก็บเงินมาซื้อที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบ จึงต้องมองย้อนกลับไปว่าโครงการดำเนินการมาตั้ง 4-5 ปีแล้วสามารถพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายอะไรกับใครเลยในทางตรงข้ามสร้างคุณูปการธุรกิจต่างๆ แม้กระทั้งของรฟม.เองก็เห็นชัดว่าได้ประโยชน์ รวมทั้งประชาชน

โดยเฉพาะการรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่ได้อาคารสำนักงานและอาคารที่จอดรถ สามารถนำไปใช้สอยได้การใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นไปตามกฎหมาย กล่าวคือ ทางเข้า-ออกยังเป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟม. แอชตัน อโศก จ่ายผลประโยชน์ให้ รฟม.เป็นอาคารสำนักงานและอาคารจอดรถ มูลค่า 97 ล้านบาท

ดังนั้นการสั่งรื้อถอนโครงการแอชตัน อโศก จึงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับใคร แต่จะสร้างผลกระทบเชิงลบตั้งแต่ภาคอสังหาริมทรัพย์ ภาคสถาบันการเงิน ไปจนถึงการลงทุนจากต่างชาติ ทั้งนี้เนื่องจากโครงการแอชตัน อโศก เป็นการร่วมทุนกับมิตซุย ฟูโดซัง จากประเทศญี่ปุ่น คดีดังกล่าวอาจกระทบความเชื่อมั่นด้านการลงทุน ซึ่งธนาคารไม่กล้าปล่อยให้ภาคอสังหาฯ ลงทุน

ทั้งนี้เนื่องจากการพิจารณาคดีแอชตัน อโศก ครั้งนี้จะกลายเป็น “บรรทัดฐาน” โครงการอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงคดีระหว่างแอชตัน อโศก กับสยามสมาคมที่ยังมีการฟ้องร้องในศาลปกครองกลางอยู่ และมีลูกบ้านแอชตันกว่า 668 ครอบครัวเป็นผู้ร้องสอด หากพิพากษายกฟ้องจะมีผลในทุกคดีให้ยกฟ้องไปด้วย

Back to top button