2 โบรกเชียร์ “ซื้อ” ECL ฟันธงครึ่งปีหลังแกร่ง ลุย “คาร์ฟอร์แคช” หนุนพอร์ตสินเชื่อโต
2 โบรกประสานเสียงเชียร์ “ซื้อ” หุ้น ECL ฟันธงครึ่งปีหลังแกร่ง หลังเดินหน้า “คาร์ฟอร์แคช” หนุนพอร์ตสินเชื่อโต ตั้งสำรองลดลง คาดกำไรปี 65 แตะ 231 ลบ. วางเป้าสูง 3.20 บ. ฟากผู้บริหารเผยเดินหน้าเจรจาพันธมิตรหาโอกาสลงทุนขยายธุรกิจ ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อ 1-2 ปีข้างหน้าแตะ 10,000 ลบ.
บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ จำกัด ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นของบริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ECL โดยคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2565 ของ ECL จะอยู่ที่ 180 ล้านบาท ซึ่งกำไรงวดครึ่งแรกของปี 2565 คิดเป็นราว 58% ของประมาณการทั้งปี และแนวโน้มครึ่งปีหลังของปี 2565 คาดว่าสินเชื่อจะขยายตัวดีขึ้นจาก Momentum ของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
นอกจากนี้ในช่วงตุลาคม 2565 คาดว่าจะเริ่มเห็นการปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถบรรทุกหลังการลงระบบต่างๆ มีความพร้อมและอยู่ระหว่างการร่วมมือกับ Platform ขายรถยนต์มือสอง เพื่อปล่อยสินเชื่อรถยนต์มือสอง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มในไตรมาส 4/2565 ด้วยเช่นกัน ด้านยอดขาดทุนรถยึดคาดว่าจะมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 เช่นกัน
อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ว่าจะปรับตัวขึ้นหรือไม่ หลังมีการกลับมาสำรองหนี้ในปี 2564 และตั้งสำรองหนี้ในระดับต่ำในไตรมาส 1/2565-2/2565 ทำให้ระดับ NPL Coverage Ratio ปัจจุบันลดลงเหลือ 83% จาก 87% ในไตรมาส 1/2565 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อการปรับประมาณการในอนาคต ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายสำหรับปี 2566 ที่ 2.90 บาท อิง PBV 1.6 เท่า จากราคาเป้าหมายปี 2565 เดิมที่ 2.80 บาท ราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงมาทำให้ระดับ Upside เริ่มน่าสนใจ จึงคงคำแนะนำซื้อ
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ออกบทวิเคราะห์คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานของ ECL ในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตทั้งจากงวดเดียวกันปีก่อนและจากไตรมาสที่ผ่านมา โดยในไตรมาส 3/2565 คาดว่ากำไรหลักจะเพิ่มขึ้นจากการตั้งสำรองที่ลดลงเมื่อเทียบกับฐานสูงถึง 24 ล้านบาทในไตรมาส 3/2564 และรายได้ดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาจากฐานต่ำ โดยในเดือนกันยายนนี้ ECL จะเริ่มธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ (Car for Cash) ที่ให้ดอกเบี้ยรับราว 17-18% ต่อปี (หลังคิดโปรโมชั่นแล้ว) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยปัจจุบันที่ 11-12% ต่อปี
นอกจากนี้จากตลาดรถมือสองยังคงมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Shortage) สำหรับรถมือหนึ่งและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลงทำให้บางส่วนหันมามองเป็นทางเลือกแทน ดังนั้น ECL จึงมองโอกาสขยายพอร์ต สินเชื่อกลุ่มนี้เชิงรุก อาทิการจับมือกับพันธมิตรรายใหม่ที่มีฐานลูกค้า ประกอบกับ ECL เองก็ได้รับการสนับสนุนวงเงินจากพันธมิตรญี่ปุ่นที่ให้วงเงินกู้ยืมบนดอกเบี้ยจ่ายรวมค่าธรรมเนียมค้ำประกันที่ต่ำราว 2.6% ต่อปี (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยต้นทุนทางการเงินของ ECL ใน 2/65 อยู่ที่ 3.9% ต่อปี) ทำให้สามารถออกแคมเปญการตลาดกระตุ้นสินเชื่อควบคู่ไปกับรักษา Spread ได้ด้วย ส่วนคุณภาพสินทรัพย์ (NPL) คาดรักษาไว้ที่ไม่เกิน 5% ของสินเชื่อรวมได้
ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์คงประมาณการกำไรทั้งปี 2565 ไว้ตามเดิมที่ 231 ล้านบาท (เติบโต 19% จากงวดเดียวกันปีก่อน) เนื่องจากมองว่าผลกำไรส่วนใหญ่จะอยู่ในครึ่งปีหลังของปี 2565 ทั้งตามปัจจัยฤดูกาลและการเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากธุรกิจใหม่ อีกทั้งยังมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจากการร่วมมือขยายธุรกิจกับพันธมิตรใหม่ๆ ที่อยู่ระหว่างเจรจา ดังนั้นจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายปีนี้ไว้ที่ 3.20 บาท อิงเป้าหมาย PER ที่ค่าเฉลี่ยกลุ่ม 20 เท่าตามเดิมและใช้ EPS ปีนี้ แบบ Fully-diluted รวมผลกระทบของ ECL-W4 ที่คิดเป็น EPS Diluted ราว 25% ไว้แล้วตามหลักการอนุรักษ์นิยม
ด้านนายดนุชา วีระพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร ECL เปิดเผยว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและมองหาโอกาสเจรจาพันธมิตรรายใหม่ ร่วมกันและต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ เช่น ธุรกิจติดตามหนี้และธุรกิจอื่นๆ ยกระดับการดำเนินงานให้มีบริการที่ครบวงจรมากขึ้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในระยะถัดไป
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/2565 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย ทำให้บริษัทฯ สามารถทำการตลาดในธุรกิจใหม่ๆ ในไตรมาสนี้ได้ โดยจะเริ่มลงทุนในสินเชื่อ Car for Cash และ รถยนต์ EV ดังนั้นจึงยังคงเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 6,000 ล้านบาท และตั้งเป้าภายใน 1-2 ปีข้างหน้ามีพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 10,000 ล้านบาท