“วงษ์สยาม” จ่อเซ็นงาน “กรมธนารักษ์” จ่าย 744 ลบ. พรุ่งนี้! ซัด “ยุทธพงศ์” เล่นเกมการเมือง
”วงษ์สยาม” ซัด "ยุทธพงศ์" เล่นเกมการเมือง ยันประมูลท่อส่งน้ำอีอีซีโปร่งใส ยิ่งยื้อเวลารัฐยิ่งเสียหายหนัก จ่อเซ็นลงนามสัญญากับ “กรมธนารักษ์” พรุ่งนี้ พร้อมจ่าย 744 ล้านบาท
นายอนุฤทธิ์ เกิดสินธ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ผู้ได้รับสิทธิบริหาร และดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (อีอีซี) ให้สัมภาษณ์กรณี นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ระบุมีคนสั่งการเร่งรัดลงนามสัญญาโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี และทำหนังสือถึงรักษาการนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และปลัดกระทรวงการคลัง ให้ชะลอการลงนามสัญญา อ้างรัฐจะเสียหาย
โดย นายอนุฤทธิ์ ระบุว่า การประมูลโครงการนี้เป็นไปตามขั้นตอน และระเบียบราชการ มีความโปร่งใส ชัดเจน และรัฐได้ประโยชน์สูงสุด ก่อนหน้านี้ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2565 ให้ระงับการลงนามสัญญาโครงการเป็นการฉุกเฉิน ไว้ชั่วคราว ก่อนพิพากษา หรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีดังกล่าว ดังนั้นจึงเลื่อนการลงนามสัญญาโครงการออกไปก่อน
ขณะที่ต่อมาบริษัทฯ ได้อุทธรณ์ไปยังศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของศาลปกครองกลาง บัดนี้ปรากฏข้อเท็จจริงแล้วว่าศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น ยกคำขอของผู้ฟ้องคดี ดังนั้นจึงมีเหตุอันชอบธรรมตามกฎหมาย ที่กรมธนารักษ์ จะจัดให้ลงนามในสัญญาโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี ต่อไปได้
นายอนุฤทธิ์ กล่าวอีกว่า เพื่อมิให้เกิดการทอดเวลาในการลงนามสัญญาออกไป ซึ่งจะไม่เป็นไปตามแผนกรอบเวลาที่กรมธนารักษ์กำหนด เพราะถ้าหากไม่เป็นไปตามระยะเวลาจะทำให้รัฐเสียหายอย่างมาก เนื่องจากไม่ได้รับผลประโยชน์ตอบแทน คิดค่าเสียหายจากการไม่ได้รับผลตอบแทนรายปี ปีที่ 1 จำนวน 122,313.30 บาท ต่อวัน และความเสียหายจากการไม่ได้รับส่วนแบ่งรายได้รายปี ปีที่ 1 คิดเป็นค่าเสียหายจำนวน 1,228,657.53 บาท ต่อวัน รวมค่าเสียหายทั้งสิ้นจำนวน 1,549,600.98 บาท ต่อวัน หรือคิดเป็นค่าเสียหายรวมทั้งสิ้นจำนวน 46,488,029.26 บาท ต่อเดือน หรือ 565,604,356.00 บาท ต่อปี
ทั้งนี้หากกรมธนารักษ์ยังให้ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW ครอบครองใช้ประโยชน์ จากทรัพย์สินของแผ่นดินต่อไปโดยจ่ายค่าตอบแทนแบบเดิม อาจจะมีข้อครหาจากประเด็นดังกล่าวได้ว่าเป็นการให้ใช้ทรัพย์สินของแผ่นดินโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดแก่หน่วยงานรัฐและเอื้อประโยชน์ต่ออีสต์วอเตอร์ซึ่งเป็นผู้แพ้ประมูล
“บริษัทฯเป็นผู้ได้รับสิทธิบริหารโครงการนี้ โดยทางกรมธนารักษ์ มีหนังสือแจ้งกำหนดวันลงนาม และให้บริษัทเพื่อชำระตามสัญญา 2 ครั้ง ที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินการครบถ้วนทุกประการ หากนับระยะเวลาตั้งแต่ วันที่คณะกรรมการที่ราชพัสดุ มีมติเห็นชอบเมื่อเดือนมีนาคม 65 จนถึงวันนี้ บริษัทได้รับผลกระทบอย่างมาก หากไม่เป็นไปตามกรอบเวลาที่กรมธนารักษ์กำหนดจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทฯ จนไม่อาจเยียวยาได้ ดังนั้นขอย้ำอีกครั้งว่าไม่มีใครที่ไปสั่งการ เร่งรัดลงนามสัญญา แต่เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้องชอบธรรมและศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้ว” นายอนุฤทธิ์ กล่าว
นายอนุฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องให้ผู้กล่าวโจมตีโครงการนี้ใช้สติในการพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ อย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นเกมการเมือง เพราะจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐมากขึ้น
“ผมไม่ทราบว่ารัฐจะเสียหายยังไง ในเมื่อสัญญาใหม่นี้อีสต์วอเตอร์จ่ายส่วนแบ่งให้รัฐเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ขณะที่วงษ์สยามฯจ่ายให้รัฐ 27 เปอร์เซ็นต์ต่อปี” นายอนุฤทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีเอกสารการลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก จากทางกรมธนารักษ์ พร้อมระบุวันเซ็นสัญญากับทาง วงษ์สยาม ในวันที่ 23 ก.ย.65 ตามรายละเอียดด้านล่างนี้