แย้ม 6 หุ้นแบงก์ ลุ้น Q3 กำไรแกร่ง ชู KTB โตเด่น 54.30%
“บล.โนมูระ” คาดการณ์กำไรสุทธิ 6 หุ้นแบงก์ ได้แก่ TTB-KTB-SCB-TISCO-KBANK-KKP มองกำไรสุทธิรวมไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 3.6 หมื่นลบ. จากการขยายตัวของสินเชื่อเพิ่มขึ้น ชู KTB โตเด่น 54.30%
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 3/2565 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์จำนวน 6 แบงก์ เนื่องจากใกล้สิ้นสุดปิดงวดบัญชีงบไตรมาส 3 จึงเริ่มเห็นนักวิเคราะห์ทำบทวิเคราะห์ออกมา พบว่ามีการประเมินว่ากำไรสุทธิเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
สะท้อนจากบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ที่มีมุมมองเชิงบวกต่อ 6 หุ้นแบงก์ อาทิ KTB, TTB, KKP, KBANK, SCB, TISCO ว่าแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3/2565 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง คาดกำไรสุทธิรวมของทั้ง 6 แบงก์ในไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 36,225 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.83% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 27,901 ล้านบาท ซึ่งได้แรงหนุนจากการขยายตัวของสินเชื่อเพิ่มขึ้น และการตั้งสำรองลดลง
รายละเอียดผลประกอบ 6 แบงก์ในไตรมาส 3/2565 ดูจากตาราง
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 7,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.30% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 5,055 ล้านบาท ซึ่งหนุนจากสินเชื่อขยายตัวเพิ่มขึ้น 3% จากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อรายย่อยขยายตัวได้ดี
ส่วนสินเชื่อภาครัฐทรงตัวนอกจากนั้นรายได้ค่าธรรมเนียม-บริการ และกำไรจากการปรับมูลค่าเงินลงทุน (FVTPL) เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) ลดลง เพราะธนาคารมีการตั้งสำรองล่วงหน้าไปมากแล้ว แต่อย่างไรก็ตามการพัฒนาแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง และ Krungthai NEXT มองว่าจะได้ประโยชน์ในระยะกลางถึงยาวที่จะเห็น Data Analysis และ Cross- selling ดังนั้นยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 20 บาท
ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 3,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2,359 ล้านบาท เหตุลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง ECL จากธนาคารมีการตั้งสำรองอย่างรอบคอบในช่วงที่ผ่านมา และการเพิ่มขึ้นของรายได้ไม่ใช่ดอกเบี้ย
อีกทั้งยังคงประเมินกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 1.29 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และในปี 2566 อยู่ที่ 1.33 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 1.34 บาท
ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.40% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,478 ล้านบาท ซึ่งหนุนจากสินเชื่อขยายตัวดีต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมาจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อธุรกิจ
ขณะเดียวกันยังมีการประเมินกำไรสุทธิปี 2565 เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และในปี 2566 เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 90 บาท
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 10,910 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.40% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 8,631 ล้านบาท ซึ่งจะหนุนจากการเติบโตของสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากสินเชื่อธุรกิจ และรับรู้กำไรมูลค่าเงินลงทุน (FVTPL) เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2564
รวมทั้งยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 4.25 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และในปี 2566 อยู่ที่ 4.49 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน นอกจากนั้นการทำธุรกิจร่วมทุน JK AMC ทำให้ KBANK มี Balance Sheet ที่แข็งแกร่งมากขึ้น ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย190 บาท
บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 10,515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.30% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 8,818 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากสินเชื่อรวมขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากสินเชื่อภาคธุรกิจ สินเชื่อ SME และสินเชื่อรายย่อย อีกทั้งการลดลงของค่าใช้จ่าย สำรอง (ECL) จากธนาคารมีการตั้งสำรองล่วงหน้าไปมากแล้ว
นอกจากนี้ยังคงประมาณกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 4.06 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 4.25 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 155 บาท
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 1,805 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.70% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,560 ล้านบาท เหตุค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) ลดลง เพราะธนาคารตั้งล่วงหน้าไปมากแล้ว และรับรู้กำไรเงินลงทุน (FVTPL)
ขณะที่ประเมินกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 6.87 พันล้านบาท และในปี 2566 ประเมินกำไรสุทธอยู่ที่ 7.10 พันล้านบาท โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 120 บาท