GPSC ทุ่ม 1.8 หมื่นล้าน ปิดดีล “วินฟาร์ม” ไต้หวัน 595MW จ่อ COD ไตรมาส 1/67
GPSC ทุ่ม 1.8 หมื่นลบ. ปิดดีลลงทุนโครงการวินฟาร์มไต้หวัน กำลังผลิต 595MW ในสัดส่วน 25% กำลังผลิตตามสัดส่วนถือหุ้นคิดเป็น 149MW คาดเตรียม COD ไตรมาส 1/67
บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยว่า ตามที่บริษัท ได้แจ้งเรื่องการลงทุนโครงการการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมนอกชายฝั่งในไต้หวัน เป็นเงินลงทุนรวมประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท โดยคิดจากอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 37 บาท) เมื่อวันที่ 14 ก.ค.64 ที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล ซินเนอร์ยี่ จำกัด (เป็นบริษัทย่อย) ได้ดำเนินการตามเงื่อนไขบังคับก่อน (Conditions precedent) ของสัญญาซื้อขายหุ้นเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อวันที่ 26 ก.ย.65 และได้เข้าถือหุ้น 25% ในบริษัท CI Changfang Limited และบริษัท CI Xidao Limited เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้บริษัทเป้าหมายเป็นผู้พัฒนาโครงการการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมนอกชายฝั่ง (Offshore wind) ในไต้หวัน โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 595 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยโครงการ Changfang และโครงการ Xidao ซึ่งมีกาลังการผลิตไฟฟ้า จำนวน 547 เมกะวัตต์ และ 48 เมกะวัตต์ ตามลาดับ โดยโครงการดังกล่าว อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และจะทยอยเปิดดำเนินการจนครบตามกำลังการผลิตไฟฟ้า ภายในไตรมาสที่ 1/67
สำหรับการเข้าร่วมลงทุนในครั้งนี้ GPSC จะมีกำลังการผลิตคิดเป็น 149 เมกะวัตต์ตามสัดส่วนการถือหุ้น 25% ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเป็น 2,294 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 34% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 6,761 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจ และกระจายแหล่งผลิตพลังงานทางเลือกให้มีความหลากหลาย พร้อมกันนี้ ยังเป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์การพัฒนาโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งในต่างประเทศ ที่จะสามารถสร้างโอกาสและขยายการลงทุนตามกลยุทธ์ของธุรกิจในการเติบโตด้านพลังงานทดแทนในกลุ่มตลาดเป้าหมายต่อไป
โดยไต้หวันถือเป็นหนึ่งพื้นที่ที่มีศักยภาพ และมีความก้าวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดชั้นนำของโลก รวมทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการส่งเสริมการลงทุนพลังงานสะอาดในทุกประเภท จะเห็นจากอัตราการใช้พลังงานทางเลือกที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้กลุ่ม GPSC ตัดสินใจเข้าลงทุนในโครงการดังกล่าว และพร้อมที่จะขยายการลงทุนต่อเนื่องพร้อมทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆ ที่จะเข้าไปลงทุนด้านเทคโนโลยีแห่งอนาคตได้อีกทางหนึ่ง
สำหรับการเข้าร่วมทุนครั้งนี้ ถือเป็นโครงการแรกที่บริษัทฯ ร่วมลงทุนในโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งกับ CIP ซึ่งมีประสบการณ์สูงในด้านการพัฒนาพลังงานลมนอกชายฝั่ง เปิดโอกาสให้บริษัทฯ ได้ขยายความเชี่ยวชาญในด้านองค์ความรู้การพัฒนาพลังงานลมนอกชายฝั่ง เนื่องจากต้องอาศัยเทคโนโลยีในการก่อสร้างและพัฒนาโครงการที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมถึงนวัตกรรมกังหันลมที่ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของโครงการ โดยยังสามารถผลิตกระแสไฟฟ้า และป้อนเข้าสู่ระบบจ่ายไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องและปลอดภัย
อย่างไรก็ดีหลังจากการซื้อขายหุ้น CI-II และ C-III ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และเป็นผู้ดำเนินการหลักของโครงการ CFXD