ลุ้นบ่ายนี้ ! ศาล รธน.ตัดสินปม “นายกฯ 8 ปี” บิ๊กตู่ อยู่หรือไป
ศาลรัฐธรรมนูญ คุมเข้มพื้นที่รอบศาลหลังองค์คณะตุลาการนัดอ่านคำวินิจฉัยปมดำรงตำแหน่ง “นายกฯ 8 ปี” ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะที่นักวิเคราะห์มองหากผลการตัดสินออกมาเป็นลบอาจกระทบตลาดหุ้น 1-2 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ศาลรัฐธรรมนูญภายในศูนย์ราชการ อาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพทหานคร ซึ่งวันนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย กรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ยื่นคำร้องถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลง เนื่องจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมระยะเวลาเกินกว่า 8 ปี
โดยบรรยากาศเช้าวันนี้ (30 ก.ย. 65) เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลรัฐธรรมนูญ ได้นำรั้วเหล็กกว่า 20 ตัว มาเรียงต่อกันและผูกด้วยเชือกสีขาวเพื่อยึดให้แน่นรักษาความปลอดภัย วางล้อมรอบบริเวณทางเข้าภายในตัวอาคาร และติดตั้งเสาสแตนเลส พร้อมข้อความ ระบุเขตหวงห้ามเฉพาะและเขตหวงห้าม รวมถึงการติดตั้ง ลำโพงเครื่องขยายเสียง 2 ตัว จอทีวีแอลอีดี 3 ตัว ขึ้นจอโชว์ ข้อความว่า “ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาเพื่ออ่านคำวินิจฉัย เรื่อง ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่ วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 เวลา 15.00 น.
สำหรับแนวทางการทำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะดำเนินการด้วยตุลาการไม่น้อยกว่า 7 คน ที่จะแถลงคำวินิจฉัยส่วนตนเป็นหนังสือ พร้อมทั้งแถลงด้วยวาจาต่อที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนจะลงมติ โดยให้ถือเสียงข้างมาก ในกรณีที่คะแนนเสียงเท่ากันให้ศาลปรึกษาหารือกันจนกว่าจะได้ข้อยุติ จากนั้นที่ประชุมจะปรึกษาหารือร่วมกัน แล้วจึงมีการลงมติในการวินิจฉัยคดี และอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง
ด้านายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน ประเมินว่า ประเมินเป็นกลาง ถึงลบเล็กน้อยต่อ กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่ง และ ครม. ทั้งหมดพ้นจากตำแหน่ง อาจเกิดรอยต่อระหว่างรอเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และเมื่อสถานการณ์ไม่นิ่งและนายกรัฐมนตรีรักษาการ (แทนนายกฯ ประยุทธ์) มีอำนาจยุบสภาได้ กรณียุบสภา หากเกิดขึ้นประเมินตลาดตอบรับเชิงลบระยะสั้นกว่าในอดีตเบื้องต้นคาดราว1-2วัน SETอาจติดลบในกรอบ -1.55% ถึง 3.33% อิงผลกระทบตลาดช่วง1สัปดาห์2สัปดาห์ของการยุบสภาครั้งหลังสุด ก่อนค่อย ๆ ฟื้นตัวรับการเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนภายใต้ความไม่แน่นอนทางการเมือง แนะนำ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ CPALL, MAKRO, HMPRO, SNNP, ADVANC, TIDLOR รวมถึงกลุ่มแบงก์และประกัน อาทิ KBANK, BBL, TLI ส่วนกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง อาทิ SCGP, GPSC, SCC, TOA, GULF, SAPPE และกลุ่มเติบโตสูง อาทิ SINGER, BE8 รวมทั้งกลุ่มบริการที่มี Upside จากผู้ป่วยต่างชาติ อาทิ BDMS และ BCH
สอดคล้องกับ นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จํากัด หรือASPS มองว่าการตัดสินครั้งนี้อาจกระทบตลาดหุ้นไม่มาก แค่เกิดอาการแกว่งของตลาดมากกว่า แต่ถ้าผลออกมาเป็นลบและต้องมีการหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ อาจต้องใช้เวลา 1 เดือน ก่อนรัฐบาลจะครบวาระ4ปี ในวันที่ 23 มีนาคม 2566 ซึ่งจะทำให้เกิดความผันผวนได้ในระยะสั้น แนวรับให้ไว้บริเวณ1,580 จุด
สำหรับกลุ่มหุ้นที่แนะนำให้ลงทุนได้แก่ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น อาทิ TLI, BBLและกลุ่มเปิดประเทศvkmb ERW, AOT