รุกตลาดต่างประเทศ “ลำไยอบแห้งลำพูน” ขึ้นทะเบียน GI เวียดนาม หวังดันยอดส่งออก
“ลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูน” ขึ้นทะเบียน GI เวียดนาม ส่งผลดีต่อภาคการส่งออก สร้างงาน สร้างรายได้แก่เกษตรกร ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าไทย
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ประเทศเวียดนามได้ประกาศรับจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูนของไทย ส่งผลให้ไทยจดทะเบียน GI ในเวียดนามแล้ว 3 สินค้า ทั้งนี้ลักษณะเด่นของลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูน มีสีเหลืองทอง เนื้อหนา แห้งสนิทไม่ติดกัน รสชาติหวาน มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ สามารถเก็บไว้ได้นานโดยกลิ่นและรสชาติไม่เปลี่ยนแปลง เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะผู้บริโภคชาวเวียดนาม มีตลาดส่งออกที่สำคัญ อาทิ เวียดนาม จีน ฮ่องกง
โดยลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูนของไทย ถือเป็นสินค้า GI ไทยลำดับที่ 8 ที่ได้รับการจดทะเบียน GI ในต่างประเทศ ต่อจาก 1.ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ในสหภาพยุโรป 2.กาแฟดอยช้าง ในสหภาพยุโรป 3.กาแฟดอยตุง ในสหภาพยุโรปและกัมพูชา 4.ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ในสหภาพยุโรป 5.เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน ในเวียดนาม 6.ผ้าไหมยกดอกลำพูน ในอินเดียและอินโดนีเซีย และ 7.มะขามหวานเพชรบูรณ์ ในเวียดนาม
สำหรับลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูน เป็นสินค้าเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้จังหวัดลำพูนมากว่า 100 ปี โดยหลังจากขึ้นทะเบียน GI แล้วสินค้าดังกล่าว มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าด้วยกระบวนการผลิตและระบบควบคุมคุณภาพสินค้าที่ได้มาตรฐาน ทำให้สามารถจำหน่ายได้ในราคาดี จากเดิมที่เคยจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 550 บาท เพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 1,500 บาท อีกทั้งยังเป็นผลไม้ที่ใช้ในงานประเพณีต่างๆ ของชาวลำพูน ลำไยจึงเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกวิถีชีวิตความเป็นอยู่เคียงคู่คนลำพูนอย่างแท้จริง
นายสินิตย์ ยังระบุว่าการที่สินค้า GI ไทยได้รับการจดทะเบียน GI ในเวียดนาม ส่งผลดีต่อภาคการส่งออกของไทย ทำให้ผู้บริโภคต่างชาติมั่นใจในคุณภาพสินค้า ช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชนท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมผลักดันการจดทะเบียนสินค้า GI ไทยในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอาหารและสินค้าเกษตร ซึ่งเป็น Soft Power สำคัญที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศ สามารถสร้างงาน สร้างรายได้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน