PCC เคาะราคาไอพีโอ 4 บ. เปิดจองซื้อ 10-12 ต.ค.นี้
PCC เคาะราคไอพีโอ หุ้นละ 4 บ. เปิดจองซื้อ 10-12 ต.ค.นี้ หวังนำเงินลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และโครงการในอนาคต-ทุนหมุนเวียนกิจการ
บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PCC กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 307,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 4 บาท ระยะเวลาจองซื้อวันที่ 10-12 ต.ค.65 ที่ปรึกษาทางการเงิน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย และมี บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
สำหรับการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ พิจารณาด้วยวิธีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E) โดยราคาเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้เท่ากับหุ้นละ 4 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ประมาณ 19.16 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัทฯ ในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.64 ถึง 30 มิ.ย.65) เท่ากับ 256.09 ล้านบาท และหารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด 1,226,619,100 หุ้น (Fully diluted) จะได้กำไรสุทธิเท่ากับ 0.2088 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิดังกล่าว คำนวณจากผลประกอบการในอดีตของบริษัทฯ โดยที่ยังมิได้พิจารณาถึงผลการดำเนินงานและโครงการในอนาคต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุนควรพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการลงทุนP/E Ratio ของบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน
อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ได้เปรียบเทียบ P/E ของบริษัทจดทะเบียนอื่นที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกัน 4 บริษัท ดังนี้ บมจ.เอกรัฐวิศวกรรม (AKR) 16.14 เท่า บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) 22.30 เท่า บมจ.เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ (JR) 25.47 เท่า และ บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) 15.23 เท่า โดยค่าเฉลี่ยของบริษัทเทียบเคียง 19.79 เท่า
สำหรับ PCC ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจ ออกแบบและผลิตอุปกรณ์ ออกแบบระบบวิศวกรรมและรับเหมาก่อสร้าง ให้บริการ และลงทุนในอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ซึ่งครอบคลุมในทุกขั้นตอนตั้งแต่ระบบผลิต ระบบส่ง และระบบจำหน่ายไฟฟ้า ตั้งแต่โรงไฟฟ้าจนถึงผู้ใช้ไฟฟ้า และธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ
โดยวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ระดมทุนในครั้งนี้รวม 1,194 ล้านบาท 1.เพื่อนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และโครงการในอนาคตอื่น 350 ล้านบาท ได้แก่ โครงการศูนย์การขายและการตลาด (Group Integration Sale & Marketing Center), โครงการธุรกิจปลูกกัญชงในระบบปิด อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์, โครงการธุรกิจไผ่ อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์
2.นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน และเพื่อวัตถุประสงค์ทั่วไปของบริษัทฯ 194 ล้านบาท และการชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน 650 ล้านบาท