สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 5 ต.ค. 2565
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 5 ต.ค. 2565
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 800 จุดในวันอังคาร (4 ต.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ทำสถิติพุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 2 ปี เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางออสเตรเลียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ยังทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,316.32 จุด พุ่งขึ้น 825.43 จุด หรือ +2.80%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,790.93 จุด เพิ่มขึ้น 112.50 จุด หรือ +3.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,176.41 จุด เพิ่มขึ้น 360.97 จุด หรือ +3.34%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร (4 ต.ค.) ตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่เพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางต่าง ๆ อาจชะลออัตราการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ขณะที่พยายามจะลดเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 403.03 จุด พุ่งขึ้น 12.20 จุด หรือ +3.12%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,039.69 จุด เพิ่มขึ้น 245.54 จุด หรือ +4.24%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,670.48 จุด เพิ่มขึ้น 461.00 จุด หรือ +3.78% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,086.46 จุด เพิ่มขึ้น 177.70 จุด หรือ +2.57%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร (4 ต.ค.) โดยปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่การลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรกระตุ้นความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ร่วงลงในช่วงที่ผ่านมา อาทิ หุ้นกลุ่มการเงิน, กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,086.46 จุด เพิ่มขึ้น 177.70 จุด หรือ +2.57% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. และปรับตัวขึ้นรายวันมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในวันอังคาร (4 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันครั้งใหญ่ในการประชุมวันนี้ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อในตลาดน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 2.89 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 86.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย. 2565
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.94 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 91.80 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 2565
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันอังคาร (4 ต.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังคงเป็นปัจจัยหนุนตลาด
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 28.5 ดอลลาร์ หรือ 1.67% ปิดที่ 1,730.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 2.48% ปิดที่ 21.099 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 33.6 ดอลลาร์ หรือ 3.73% ปิดที่ 933.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 98 ดอลลาร์ หรือ 4.4% ปิดที่ 2,330.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (4 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ นอกจากนี้ การร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังสร้างแรงกดดันต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลง 1.5% แตะที่ระดับ 110.0690
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 143.93 เยน จากระดับ 144.72 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9787 ฟรังก์ จากระดับ 0.9930 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3510 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3635 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0000 ดอลลาร์ จากระดับ 0.9821 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1479 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1313 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.6498 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6517 ดอลลาร์สหรัฐ
ตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันที่ 3 – 7 ต.ค. เนื่องในวันชาติ
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการวานนี้ (4 ต.ค.) เนื่องในวันหยุดประจำชาติ