ดักเก็บ 7 หุ้น รับท่องเที่ยว-เศรษฐกิจฟื้น ชู SHR อัพไซด์ 52%

แนะสอย 7 หุ้น SHR, SUSCO, ASIAN, BBL, BA, DTAC และ AWC รับท่องเที่ยว-เศรษฐกิจฟื้น ชู SHR อัพไซด์สูง 52% “FSSIA” วางเป้าดัชนีปี 66 ที่ระดับ 1,767 จุด


นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ FSSIA ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นไทยในเดือนตุลาคมจะผันผวนมากในช่วง 1,580-1,640 จุด อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอ่อนลง และการท่องเที่ยวจะดีขึ้นช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยหลังช่วงประกาศงบไตรมาส 3/65 ที่คาดว่าจะลดลงจากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ FSSIA เชื่อว่าประเทศไทยจะเห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น การบริโภคในประเทศที่สูงขึ้น การส่งออก และการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งผลให้มี GDP ที่สูงขึ้น อีกทั้งดุลบัญชีเดินสะพัดจะดีขึ้น และค่าเงินบาทมีเสถียรภาพ

สำหรับปัจจัยแรกแนวโน้มเศรษฐกิจควรเน้นเสริมความแข็งแกร่งด้านรายได้จากการท่องเที่ยว รายได้ทางการเกษตรที่สูงขึ้น และการส่งออกที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยผลิตภัณฑ์ส่งออกหลักของไทยจะช่วยเพิ่มรายได้ และกระแสเงินสดให้กับประเทศไทยในปี 2566

ส่วนปัจจัยที่สองอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ปรับขึ้น 5% จะช่วยเสริมกำลังซื้อ และส่งผลให้การบริโภคในประเทศมีความแข็งแกร่งในปีหน้า และปัจจัยที่สาม คือแนวโน้มกำไรของธนาคาร และบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยปีหน้าที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว การส่งออก การคมนาคม และพาณิชย์ จะช่วยทำให้เงินบาทกลับมามีเสถียรภาพได้ รวมถึงแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง

อย่างไรก็ตาม FSSIA มองว่าปัจจัยหลักที่จะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย ความมั่นคงของค่าเงิน และการเติบโตของกำไรบริษัทที่จะช่วยหนุนตลาดหุ้นได้ คือ การฟื้นตัวทางการท่องเที่ยว และราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยมาตั้งแต่ปี 2543

ทั้งนี้ FSSIA อ้างอิงจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ระบุว่า ดัชนี PCE ของไทยเริ่มเห็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญมาตั้งแต่ช่วงปี 2564 ถึงครึ่งปีแรก 2565 ผลักดันโดยยอดค้าปลีก การใช้จ่ายในผลิตภัณฑ์ไม่คงทน และยอดขายจากห้างสรรพสินค้า ที่สำคัญรายได้จากการท่องเที่ยวช่วงหน้าหนาวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรปจะช่วยกระตุ้น PCE และ GDP ประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

สำหรับในปี 2565-2566 ทางฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า ไทยจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยว แม้จะเกิดภาวะถดถอยในสหรัฐฯ และยุโรปก็ตาม โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยคาดจะแตะ 10 ล้านคนในปีนี้ และ 34 ล้านคนในปีหน้า

โดยทางฝ่ายวิเคราะห์ยังคงมุมมอง Overweight ต่อตลาดหุ้นไทย วางกรอบ SET Index ปี 2566 ไว้ที่ 1,767 จุด บนพื้นฐาน P/E ปี 2566 ที่ 14.80 เท่า และคาดการณ์ EPS 2566 ไว้ที่ 119.10 บาทต่อหุ้น เติบโต 12% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มที่โดดเด่นคือ คมนาคม ท่องเที่ยว พาณิชย์ และธนาคาร ได้แก่ SHR, SUSCO, ASIAN, BBL, BA, DTAC และ AWC

บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR เป็นหุ้น Laggard ในกลุ่มโรงแรม โดยต้นทุนด้านสาธารณูปโภคที่สูงขึ้นจะหักล้างได้โดยรายได้เข้าพักเฉลี่ยรายวันที่สูงขึ้น ราคาหุ้นคาดจะรีบาวน์หากความตึงเครียดทางการเมืองเบาลง โดยทางฝ่ายวิเคราะห์มองว่ากำไรจากการดำเนินงานหลักของธุรกิจโรงแรมจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ในไตรมาส 3/2565 และไตรมาส 4/2565 นำโดยการดำเนินงานของโรงแรมในประเทศ RevPAR จะฟื้นตัวเกือบแตะระดับก่อนโควิด และรายได้เข้าพักเฉลี่ยรายวันมีแนวโน้มที่จะทะยานสูงกว่าช่วงก่อนโควิด แนะนำราคาเป้าหมายหมาย 5.20 บาท โดยราคาหุ้นมีอัพไซด์ 52%

บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SUSCO เชื่อว่าจะเห็นการเติบโตของกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป โดยปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้นจะมาจากการเติบโตในสถานีน้ำมัน การขายน้ำมันอากาศยาน และการส่งออกที่สูงขึ้น รวมถึงค่าการตลาดจากธุรกิจสถานีน้ำมัน โดยหลักๆแล้วมาจากโมเดลธุรกิจ Non-oil ที่ดีขึ้น และการขยายสาขาทั้งของ SUSCO และ ESSO แนะนำราคาเป้าหมาย 6.70 บาท โดยราคาหุ้นมีอัพไซด์ 34%

บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN คาดว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นจากผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง และอาหารแช่แข็งที่มีมาร์จิ้นสูงจะช่วยให้ ASIAN คงมาร์จิ้นไว้ได้สูงกว่า 8% ในปี 2565-2566 โดยมองเห็นถึงอัพไซด์จากการเติบโตของกำไรสุทธิที่แข็งแกร่ง และการจดทะเบียนเข้าตลาดฯ ของบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง แนะนำราคาเป้าหมาย 24.70 บาท โดยราคาหุ้นมีอัพไซด์ 37%

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL มองว่าจะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากเทรนด์การขึ้นดอกเบี้ย โดย BBL สามารถควบคุมผลตอบแทนเงินกู้จากในประเทศและนอกประเทศที่สูงได้ นอกจากนั้นแล้วความเสี่ยงต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่สูงของ BBL ยังจำกัด เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง และการตั้งสำรองที่เพียงพอ แนะนำราคาเป้าหมาย 170 บาท โดยราคาหุ้นมีอัพไซด์ 23%

บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ซื้อขายด้วยมูลค่าที่ค่อนข้างถูกที่ P/E ปี 2567 ที่ 15 เท่า โดยดีมานด์ที่อัดอั้นสำหรับสายสมุยจะช่วยเสริมอัพไซด์ให้กับธุรกิจสายการบิน และสนามบิน ขณะที่แรงกดดันจากน้ำมันอากาศยานลดลงในช่วงไตรมาส 3/2565 และต้นทุนที่สูงก็จะสามารถส่งผ่านไปที่ราคาตั๋วได้ในช่วงที่ความต้องการกำลังฟื้นตัว ซึ่งราคาตั๋วของ BA นั้นปรับขึ้นมาอยู่ที่ 93-98% ของช่วงก่อนโควิด และมีแนวโน้มจะสูงกว่าในครึ่งปีหลังนี้ แนะนำราคาเป้าหมาย 15 บาท โดยราคาหุ้นมีอัพไซด์ 19%

บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ทาง FSSIA ชอบมากกว่า บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ซึ่งหากการควบรวมสำเร็จผล จะส่งผลให้ 1. DTAC มีแนวโน้มที่จะจ่ายปันผลระหว่างการในปีนี้ก่อนการควบรวม, 2.สัดส่วนการแปลงหุ้นจาก DTAC ไปบริษัทร่วมดีกว่า TRUE นิดหน่อย และ 3.ความเสี่ยงเชิงลบที่การควบรวมไม่สำเร็จน้อยมาก แนะนำราคาเป้าหมาย 55.50 บาท โดยราคาหุ้นมีอัพไซด์ 21%

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC มองว่าน่าจะจับเทรนด์การฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และกำไรจากการดำเนินงานหลักน่าจะพลิกกลับมาเป็นบวกในไตรมาส 3/2565 ซึ่งธุรกิจโรงแรมจะได้ประโยชน์จาก รายได้เข้าพักเฉลี่ยรายวันที่สูงขึ้น ในขณะที่ธุรกิจค้าปลีก โดยเฉพาะ Asiatique จะฟื้นตัวตามการท่องเที่ยว แนะนำราคาเป้าหมาย 6.50 บาท โดยราคาหุ้นมีอัพไซด์ 14%

Back to top button