“นิวยอร์ก” ประกาศภาวะฉุกเฉิน รับมือ “ผู้ขอลี้ภัย” ทะลักเข้าเมือง
นครนิวยอร์ก ประกาศภาวะฉุกเฉิน จากการรับ “ผู้อพยพ” มากเกินไป ดันค่าใช้จ่ายพุ่ง
นายเอริก อดัมส์ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยระบุว่า นครนิวยอร์กกำลังเกิดวิกฤตจากการรับผู้อพยพมากเกินไป
โดยสำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ผู้อพยพกว่า 17,000 รายเดินทางเข้านิวยอร์กผ่านทางชายแดนทางตอนใต้นับตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
สำหรับรัฐที่สนับสนุนพรรครีพับลิกันอย่างเท็กซัส, แอริโซนา และฟลอริดา ส่งตัวผู้อพยพไปยังพื้นที่ที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงไม่กี่เดือนมานี้ นับเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งกับทำเนียบขาว ในขณะที่ผู้คนแห่อพยพเข้าสหรัฐผ่านทางชายแดนเม็กซิโกมากเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้นายอดัมส์กล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 ต.ค.) ว่า นับตั้งแต่เดือนก.ย. มีรถบัสโดยสารผู้อพยพเฉลี่ย 5-6 คันเดินทางเข้านิวยอร์กทุกวัน และปัจจุบัน 1 ใน 5 ของคนที่อยู่ในระบบที่พักพิงของนิวยอร์กคือผู้ลี้ภัย
“หลายคนที่อพยพมานั้นเป็นครอบครัวพร้อมลูกในวัยเรียน และมาในสภาพที่ต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยด่วน” นายอดัมส์กล่าว
โดยผู้อพยพหลั่งไหลเข้าเมืองทำให้นิวยอร์กมีค่าใช้จ่ายถึง 1 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณนี้ และนายอดัมส์กำลังเรียกร้องให้รัฐบาลกลางจัดสรรงบมาช่วยในเรื่องค่าใช้จ่ายดังกล่าว
“ชาวนิวยอร์กกำลังโกรธแค้น ผมก็ด้วย เราไม่ได้ร้องขอและไม่เคยมีการตกลงว่าเราจะรับหน้าที่ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยหลายพันคน อีกทั้งเงินทุนสำหรับเรื่องสำคัญอื่นๆ ของเมืองนี้กำลังจะหมดลง นครนิวยอร์กทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว แต่เรากำลังจะทำเกินขีดความสามารถในการช่วยเหลือคน” นายอดัมส์ กล่าว