เสียงร้อง “รายย่อย” ค้านดีล JASIF แก้สัญญา “ประกันรายได้-ลดค่าเช่า” ฉุดราคาหุ้นวูบ!
นักลงทุนรายย่อย JASIF ยังคงไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงการยกเลิกสัญญาการประกันรายได้ค่าเช่าและการลดค่าเช่าเส้นใยแก้วนำแสง (OFCs) ที่อยู่ในวาระที่ 1.2 ยันเรื่องนี้คือตัวกดราคาหน่วยลงทุนของ JASIF
นายรังสรรค์ บำบัดสรรพโรค ผู้ถือหน่วยลงทุน กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” เกี่ยวกับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ประกาศทำดีลเข้าซื้อหุ้นในบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB และ JASIF
สำหรับตนเองและกลุ่มเพื่อนที่ถือหน่วยลงทุนใน JASIF ประมาณ 11 คนนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ว่า ADVANC จะมีการทำดีลเข้าซื้อหุ้น TTTBB และ JASIF จนทำให้ราคาหุ้น JASIF ตกลงมาค่อนข้างมาก จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับวาระเดิม คือ 1.3 และ 1.4 แต่เปลี่ยนเป็นวาระที่ 1.2 และ 1.3 เนื่องจากมีการเปลี่ยนวาระมาถึง 3 ครั้งแล้ว
ทั้งนี้ ตนเองและเพื่อนจะถนัดดูข้อมูลของบริษัทที่ลงทุนแตกต่างกัน แต่ส่วนตัวถนัดดูที่งบการเงิน โดยข้อมูลที่ได้มาจาก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด เช่น งบของ TTTBB ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะเห็นเมื่อบลจ.บัวหลวง ทำการสรุปงบออกมา โดยงบตั้งแต่ปี 2559-2564 ของ TTTBB ผลประกอบการโดยเฉพาะ EBITDA เติบโตเฉลี่ย 10.25% ส่วนปี 2564 อยู่ที่ 15,000 ล้านบาท ค่าเช่าอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท ซึ่งการให้ความเห็นของบลจ.บัวหลวง ที่ผ่านมาชำระได้ตลอด และในระยะยาวก็ยังชำระได้ เนื่องจากปี 2564 EBITDA สูงกว่าค่าเช่า ขณะที่ในส่วนของ JAS เนื่องจากมีธุรกิจอื่นด้วยจึงไม่ได้ดูมากนัก
อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงสปอนเซอร์ใด ๆ สัญญาเงื่อนไขก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่าจะได้ผลตอบแทนที่ดีต่อไปจนครบสัญญา เพราะที่ผ่านมางบการเงินของ TTTBB ดีมาตลอด แม้กระทั่งไตรมาส 1/2565 ก็ยังดีอยู่ ขณะที่งบของ JASIF ก็แข็งแกร่ง เนื่องจากธุรกิจของ JASIF ไม่ได้ซับซ้อนอะไรได้ทรัพย์สินมาให้เช่า รายได้มั่นคงแน่นอน ล่าสุด JASIF มีกำไรสะสมประมาณ 10,000 ล้านบาท ขณะที่รายได้ JASIF ช่วงปี 2564 ที่ผ่านมารายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 1% กว่าๆ เพราะว่าปรับขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ
ดังนั้นจึงมองว่าทั้ง JASIF และผู้เช่ามีความแข็งแรง แต่พอมีข่าวจะมีการเปลี่ยนแปลงก็เริ่มจะรู้สึกว่าไม่แข็งแรง แต่หากเปลี่ยนสปอนเซอร์ไม่แย่กว่าเดิมก็ไม่มีผลกระทบอะไร
“ที่ผ่านมามีคนปล่อยข่าวที่เป็นผลลบกับ JASIF เช่น อีก 3 ปีต่อจากนี้หากครบสัญญาเช่า ผู้ที่สัญญาประกันรายได้อาจจะไม่รีบการต่อสัญญา และทำให้รายได้ค่าเช่าหายไปในช่วงปีที่ 4-10 ซึ่งความจริงแล้วผู้ถือหุ้นจะทราบอยู่แล้วว่าในช่วง 3 ปีนี้ จะได้ดิวิเดนด์ยีดล์ประมาณ 90 สตางค์ต่อปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับราคาหุ้นด้วย ดังนั้นเมื่อปีที่ 4-10 ดิวิเดนด์ยีลด์ก็จะเหลือประมาณ 7% จากเดิม 9-10% ซึ่งผู้ถือหุ้นทุกคนทราบดีอยู่แล้ว แต่ที่ราคาลงมามากเพราะโดนปล่อยข่าวที่เป็นลบก่อนที่จะมีข่าวดีลออกมา” นายรังสรรค์ กล่าว
นายรังสรรค์ กล่าวอีกว่า ไม่เห็นด้วยกับบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมและบริการระบบคอมพิวเตอร์ บริษัทในเครือ ADVANC มีการเปลี่ยนสัญญาเงื่อนไขใหม่ โดยเฉพาะเรื่องของการยกเลิกสัญญาการประกันรายได้ค่าเช่าและการลดค่าเช่าเส้นใยแก้วนำแสง (OFCs) ที่อยู่ในวาระที่ 1.2 และการยกเลิกสัญญาบัญชีธนาคาร ฯลฯ ในวาระที่ 1.3 ซึ่งผู้ถือหน่วยได้ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์แก่ผู้ถือหน่วย
แต่กับเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS มากกว่า โดยประเด็นดังกล่าวผู้ถือหน่วยกังวลว่าจะมีผลต่อราคาหุ้น JASIF ในอนาคต หากมีการยกเลิกสัญญาดังกล่าว จะทำให้ราคาหุ้น JASIF ทรงตัวอยู่ที่ 7-8 บาทต่อหน่วยลงทุน มองว่าเป็นผลบวกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแต่เทียบไม่ได้กับรายได้ที่จะหายไป แต่หากได้สปอนเซอร์ใหม่และคงสัญญาตามเดิม เชื่อว่าราคาหุ้น JASIF มีโอกาสเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคตเช่นกัน