IMF หั่น GDP โลกปี 66 เหลือ 2.7% กังวล “เงินเฟ้อ” แตะ 8.8% ปลายปีนี้
IMF ประเมิน “เงินเฟ้อ” ทั่วโลกแตะจุดสูงสุดในช่วงปลายปี 65 ที่ระดับ 8.8% หั่น GDP โลกปี 66 เหลือโต 2.7% จากเดิม 2.9% พร้อมเตือนทั่วกำลังเผชิญสภาวะเศรษฐกิจถดถอย จากผลกระทบสงครามรัสเซียยูเครน วิกฤตค่าครองชีพ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ในวันนี้ โดยได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 สู่ระดับ 2.7% จากเดิมที่ระดับ 2.9%
“ภาวะเลวร้ายที่สุดกำลังรออยู่ข้างหน้า และประชาชนจำนวนมากจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า” รายงานระบุ
IMF ระบุว่ารายงานดังกล่าวเป็นการบ่งชี้การขยายตัวที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 2544 นอกเหนือจากช่วงที่เกิดวิกฤตการเงิน และการแพร่ระบาดอย่างหนักของโควิด-19
อย่างไรก็ดี IMF ยังคงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2565 ที่ระดับ 3.2%
รายงานระบุว่า เศรษฐกิจโลกมากกว่า 1 ใน 3 จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจหดตัวในปีนี้หรือปีหน้า ขณะที่การขยายตัวของสหรัฐ สหภาพยุโรป และจีนจะชะลอตัวลง
ทั้งนี้ IMF ระบุว่าปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ได้แก่ การที่รัสเซียส่งกำลังทหารโจมตียูเครน วิกฤตค่าครองชีพ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะทำให้เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ และนิเวศวิทยา
ขณะเดียวกัน IMF ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้และปีหน้า สู่ระดับ 1.6% และ 1% ตามลำดับ โดยได้รับผลกระทบจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
โดย IMF ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปีนี้และปีหน้า สู่ระดับ 3.2% และ 4.4% ตามลำดับ โดยถูกกระทบจากการใช้มาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวด และวิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์
นอกจากนี้ IMF คาดการณ์ว่า ภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกจะแตะจุดสูงสุดในช่วงปลายปีนี้ โดยแตะระดับ 8.8% จากระดับ 4.7% ในปี 2564 ก่อนที่จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 6.5% ในปี 2566 และ 4.1% ในปี 2567