ส่อง 7 หุ้น mai ไตรมาส 3 กำไรโตแกร่ง! รับไฮซีซั่น

ส่อง 7 หุ้น mai ไตรมาส 3 กำไรโตแกร่ง! รับไฮซีซั่น นำทีมเด่น LEO-WINMED-BBIK-TMI-SEAOIL-SE และ NETBAY


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” สำรวจข้อมูลแนวโน้มผลประกอบการบริษัทจะทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ที่คาดว่าจะมีผลงานไตรมาส 3/65 เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2/65 และงวดครึ่งปีแรก 2565 ที่โชว์กำไรเติบโตเกิน 100% มานำเสนอเพื่อให้เห็นทิศทางธุรกิจในไตรมาส 3 และผลงานทั้งปี 2565 โดยเป็นการรวบรวมข้อมูลจากผู้บริหารของบริษัทและนักวิเคราะห์คาดการณ์เพื่อให้เป็นข้อมูลในการพิจารณาเข้าลงทุนในช่วงนี้

สำหรับกลุ่มหุ้นที่ที่คาดว่าจะมีผลงานเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 3/65 เนื่องจากธุรกิส่วนใหญ่อยู่ในช่วงไฮซีซั่น และคาดว่าผลงานในครึ่งปีหลังจะโตเด่นและหนุนทั้งปีโตแกร่ง อาทิ LEO-WINMED-BBIK-TMI-SEAOIL-SE และ NETBAY

ด้านบริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO  นักวิเคราะห์ประเมินผลงานครึ่งปีหลัง 2565 เข้าช่วงไฮซีซั่น หนุนผลงานเติบโต คาดปีนี้โชว์กำไรโตเด่น 348 ล้านบาท พร้อมจับตาปิดดีลร่วมทุน (JV) และซื้อกิจการ (M&A )

โดยบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ขณะนี้แนะนำ “ซื้อ” หุ้น ราคาเป้าหมาย 22.50 บาท โดยมองว่า LEO เนื่องจากไม่มีความกังวลในด้านค่าระวางเรือที่ปรับตัวลง แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง สามารถทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นได้

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น LEO โดยปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 21 บาท อิงจากข้อมูลครึ่งปีแรกมีรายได้ 2,985 ล้านบาท เติบโต 139% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไร 190 ล้านบาท เติบโต 134% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งกำไรเกือบเท่าปี 2564 ที่มีกำไร 199 ล้านบาท ประกอบกับในครึ่งปีหลังเป็น ช่วงไฮซีซั่น และการขยายงาน จึงปรับรายได้ปีนี้ขึ้นเป็น 6,187 ล้านบาท และปรับกำไรขึ้นเป็น 386 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน มีการเจรจากับพันธมิตรอีก 2-3 ราย ทั้งบริษัทจดทะเบียนฯ และบริษัทข้ามชาติระดับ Regional Player เพื่อตั้ง JV ในการพัฒนาธุรกิจ Warehouse ซึ่งในปีแรกคาดพื้นที่ให้บริการ 10,000 ตารางเมตร, Cold Chain Logistics ซึ่งได้มีการเซ็นบันทึกข้อตกลงเบื้องต้น (MOU) แล้ว รอเซ็นสัญญาขนาดพื้นที่ 4,000 ตารางเมตร และ Self Storage ที่จะร่วมกับพันธมิตรและดำเนินการด้วยบริษัทเอง รวมถึงหาโอกาสในการ M&A ซึ่งน่าจะเปิดตัวได้ในปีนี้ ส่วนพันธมิตรเดิม China Post ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจอีกแห่งของจีนก็จะขยายงานระบบรางระหว่างจีน-ลาว-ไทยให้มากขึ้น

ส่วนบริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ WINMED ส่งสัญญาณครึ่งปีหลัง 2565 โตเด่น รับไฮซีซั่นในไตรมาส 3 และเดินหน้าออกผลิตภัณฑ์ใหม่ แบรนด์ “AVA” ชุดตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยตนเอง คาดหนุนรายได้ทั้งปีนี้โต 55% แตะ 835 ล้านบาท

โดยนายนันทิยะ ดารกานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WINMED เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 3-4/2565 มีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่น เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ โดยเบื้องต้นประเมินการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2565 เพียงไตรมาสเดียว ก็น่าจะสามารถเติบโตได้กว่าไตรมาส 1 และ 2 รวมกัน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการใช้บริการทางการแพทย์กลับสู่สภาวะปกติ

ขณะเดียวกันในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทเร่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นชุดตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยตนเอง (HPV & STIs Self-Collect test) สำหรับผู้หญิงและผู้ชาย ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ “AVA” โดยเป็นชุดตรวจที่ใช้งานง่าย สามารถตรวจด้วยตนเอง และนำเชื้อส่งตรวจวิเคราะห์หาการติดเชื้อไวรัส HPV mRNA กับคลินิกเทคนิคทางการแพทย์ WINMED ซึ่งผู้ใช้บริการจะทราบผลภายใน 5-7 วัน

ทั้งนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว และเตรียมออกจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยตั้งเป้าหมายยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าวไว้ที่ประมาณ 30,000 ชุดภายในปีนี้ โดยในปี 65 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 835 ล้านบาท เติบโต 55% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 558.71 ล้านบาท

สำหรับบริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK คาดผลงานครึ่งปีหลัง 2565 โตไม่หยุด ทยอยรับรู้รายได้ที่ค้างจากครึ่งปีแรกบุ๊กเข้าไตรมาส 3-4/65 พร้อมรับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนกับ OR พร้อมมั่นใจปีนี้รายได้เข้าเป้าโต 70% จากปีก่อนที่ทำได้ 303.69 ล้านบาท

โดยนายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BBIK เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทยังคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 70% จากปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริหารที่ 303.69 ล้านบาท ส่วนช่วงครึ่งปีหลังนี้มั่นใจว่าผลประกอบการจะเติบโตได้มากกว่าช่วงครึ่งปีแรก เพราะยังมีรายได้บางส่วนที่ค้างจากช่วงครึ่งปีแรกและจะมารับรู้ในช่วงไตรมาส 3/65-ไตรมาส4/65

นอกจากนี้ ในปี 2565 บริษัทจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด หรือ ORBIT Digital ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง BBIK กับบริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด หรือ Modulus ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ถือหุ้นในสัดส่วน 100%) ที่คาดว่าปีนี้ ORBIT Digital จะมีรายได้ 150 ล้านบาท

ส่วนบริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMI คาดผลงานไตรมาส 3/65 โตเด่นต่อเนื่อง จากไตรมาสก่อนหน้า โดยเตรียม COD โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพแห่งที่  3 ขนาด 3 MW

โดยนายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการและประธานกรรมการบริหาร TMI เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 /65 บริษัทฯยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยหลักยังคงมาจากการออกผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่ๆ ซึ่งมีคุณสมบัติและโปรโมชั่นที่โดนใจลูกค้า นอกเหนือจากรายได้ในส่วนของโรงไฟฟ้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพแห่งที่ 3 ขนาดกำลังผลิต 3 เมกะวัตต์ เพื่อผลิตไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในไตรมาส 3 นี้  ซึ่งเมื่อรวมกับโรงไฟฟ้าเดิมและโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ทำให้โรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง มีกำลังการผลิตรวม 5.4 เมกะวัตต์ ส่งผลให้รายได้จากส่วนดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นต่อไปในอนาคต

ส่วนบริษัท ซีออยล์ จํากัด (มหาชน) หรือ SEAOIL คาดว่าผลงานไตรมาส 3/65 โตเด่นต่อเนื่องจากไตรมาส 2/65 ที่ทำกำไร 152.76 ล้านบาท โต 273% โดยบรัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อนทำได้กว่า 1.1 หมื่นล้านบาท พร้อมเร่งแผนขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ราคาน้ำมันตลาดโลกสูง หนุนส่วนแบ่งกำไรธุรกิจ E&P เพิ่ม

โดยนางสาวนีรชา ปานบุญห้อม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SEAOIL เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 11,354.13 ล้านบาท โดยมาจาก 2 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และธุรกิจ Catering & Service ส่วนธุรกิจขุดเจาะและสำรวจปิโตรเลียม (E&P) ผ่านบริษัทแพน โอเรียนท์ เอ็นเนอยี่ (สยาม) ลิมิเต็ด จะรับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมค้า จึงยังไม่ได้นำมาคำนวณรวมในรายได้ดังกล่าว

ทั้งนี้บริษัทมีแผนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และธุรกิจ Catering & Service ซึ่งมองว่าตลาดยังมีโอกาสเติบโต ซึ่งจะเน้นขยายไปยังประเทศที่มีศักยภาพ รวมทั้งการเจาะและขยายตลาดเดิมทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีศักยภาพ สามารถขยายธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในต่างประเทศ คิดเป็น 80% ธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทย คิดเป็น 10-20% ส่วนธุรกิจ Catering & Service คิดเป็นสัดส่วยรายได้ประมาณ 2-3% ของรายได้รวมทั้งหมด

สำหรับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2564 และเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของบริษัท แบ่งเป็น ธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งยังไม่กระทบกับมาร์จิ้นของบริษัท แต่อาจส่งผลกระทบต่อตลาด เนื่องจากในช่วงราคาน้ำมันแพง ตลาดจะมีดีมานด์ที่จำกัด ส่วนธุรกิจ E&P นั้น แน่นอนว่าจะได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น

ด้านบริษัท สยามอีสต์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SE คาดผลงานครึ่งปีหลัง 65 โตกว่าครึ่งปีแรก เพราะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ลูกค้าโรงงานเริ่มลงทุนซ่อมบำรุง แย้มมีแผนเซ็นสัญญางานเพิ่มอีก มั่นใจรายได้ปีนี้โต 10-20% จากปีก่อนมีรายได้ 488 ล้านบาท ส่วนความคืบหน้า UBA เข้าจดทะเบียนใน mai คาดได้ขายไอพีโอภายในไตรมาส 4 ปีนี้

โดยนายเกริก ลีเกษม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SE เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 10-20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 488.41 ล้านบาท และกำไรจะเติบโตกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 40.01 ล้านบาท โดยผลประกอบการช่วงครึ่งหลังปี 65 จะเติบโตดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่บริษัทมีรายได้รวม 271.38 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 3 และ 4 ของทุกปีจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ SE ที่ลูกค้าโรงงานจะเริ่มใช้เงินในการซ่อมบำรุงหรือปรับปรุงงานต่าง ๆ โดยในปีนี้ได้แรงหนุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลายลงด้วยทำให้ลูกค้าเริ่มเปิดโรงงานได้เต็มกำลังการผลิตมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะมีการลงนามในสัญญาการผลิตผลิตภัณฑ์หีบห่อ (แพ็กเกจจิ้ง) เพื่อสิ่งแวดล้อมด้วย และยังมีการลงนามในสัญญางานอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถระบุรายละเอียดได้จนกว่าการลงนามในสัญญาจะแล้วเสร็จ ซึ่งบริษัทจะแจ้งไปยังตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ต่อไป

นายเกริก กล่าวเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าการนำ บริษัท ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ UBA ซึ่งเป็นบริษัทร่วมของ SE (SE ถือหุ้นใน UBA 40%) เข้าจดทะเบียนใน mai ว่า UBA จะสามารถเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ได้ในช่วงไตรมาส 4/2565 หรืออย่างช้าในไตรมาส 1/2566 โดยต้องขึ้นอยู่กับภาวะตลาดที่เหมาะสมด้วย

ส่วนบริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY คาดผลงานครึ่งหลังปี 65 โตแกร่ง รับไฮซีซั่นและเริ่มรับรู้รายได้โครงการ Digital Mailbox

โดยบล.เมย์แบงก์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า NETBAY คาดการเติบโตของรายได้เทียบไตรมาสก่อนหน้าจะเร่งตัวขึ้นในไตรมาส 3/2565 เนื่องจาก NETBAY จะได้รับอานิสงส์จากการที่จีนเปิดประเทศเต็มไตรมาส นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าไตรมาส 3/2565 จะเป็นไตรมาสแรกที่กำไรสุทธิหลักของ NETBAY เติบโตทั้ง เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เทียบไตรมาสก่อนหน้า นับตั้งแต่ไตรมาส 4/63 เป็นต้นมา

อีกทั้งคาดการณ์กำไรสุทธิหลักไตรมาส 4/65 ที่ 52 ล้านบาท (โต 15.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, โต 29.5% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) จาก1.ปริมาณการนำเข้า-ส่งออกของไทยในช่วงไฮซีซั่น และ 2. เริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ Digital Mailbox ของบริษัทไปรษณีย์ไทย ประเมินรายได้ไตรมาส 4/65 ที่ 136 ล้านบาท (โต 30.1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน,โต 30.8% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) โดย 25 ล้านบาทน่าจะมาจาก Digital Mailbox

โดยคงแนะนำ ซื้อ NETBAY ราคาเป้าหมาย 32 บาทเท่าเดิม โดยอิงจาก P/E ปี 66 ที่ 33 เท่า (ส่วนลด 10% จากค่าเฉลี่ยระยะยาว) ปัจจัยบวกที่มีแนวโน้มหนุนราคาหุ้น คือ กำไรสุทธิหลักที่แข็งแกร่งในไตรมาส 4/65 (32% ของกำไรหลักปี 65) และปี 66 (กำไรเติบโต 18.5%) ความเสี่ยงที่สำคัญ คือ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ซึ่งอาจส่งผลให้ปริมาณการนำาเข้า-ส่งออกของไทยชะลอตัวลง ทั้งนี้ หุ้น NETBAY ซื้อขายที่ P/E ปี 66 ที่ 26.5 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่ P/E ล่วงหน้า 1 ปีที่ 36.7 เท่า ถึง 28%

ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button