แจ้งความ “สารี-ประวิทย์” ปล่อยข้อมูลราชการดีลควบ TRUE-DTAC
นักกฎหมาย เข้าแจ้งความ สน.ห้วยขวาง ดำเนินคดีกับ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง และ นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา พร้อมบุคคลที่เกี่ยวข้อง หลังปล่อยข้อมูลลับทางราชการ ซึ่งเป็นเอกสารในการควบรวมกิจการ TRUE-DTAC ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา กสทช.
นายไตรรงค์ ตันทสุข นักกฎหมาย ในฐานะตัวแทนภาคประชาชน เปิดเผยว่า เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้ต้องสงสัย ได้แก่ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค, นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา อดีตกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักข่าวที่ลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ทุกสำนัก และเจ้าหน้าที่ กสทช. ในความผิดฐานเปิดเผยความลับทางราชการ และบิดเบือนข้อความจริงหรือนำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยบันทึกเป็นคดีอาญาเลขที่ 777 / 2565
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากที่มีการให้สัมภาษณ์ของ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง แล ะนพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ว่าได้ทราบและรู้เห็นมาตรการเฉพาะภายหลังการควบรวมกิจการบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC หรือ 14 เงื่อนไขก่อนที่บอร์ด กสทช.จะพิจารณา และมีการเปิดเผย
ซึ่งการกระทำดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย จึงนำความไปร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อมอบคดีให้พนักงานสอบสวนสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุดต่อไป
โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่ กสทช.ประกาศเลื่อนการลงมติการควบรวมกิจการ TRUE-DTAC ออกไปเป็นวันที่ 20 ตุลาคม 2565 เพื่อรอผลการศึกษาจากที่ปรึกษาต่างประเทศ แต่กลับปรากฏว่ามีการเปิดเผยข้อมูลผลการศึกษาจากที่ปรึกษาต่างประเทศผ่านทางเฟสบุ๊กของ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง ในเวลาต่อมา และมีการนำไปเผยแพร่ต่อตามสื่อต่าง ๆ ซึ่งไม่รู้ว่าได้เอกสารมาอย่างไร และเป็นเอกสารของจริงหรือไม่ จะต้องมีการตรวจสอบ
ทั้งนี้ต่อมารักษาการเลขาธิการ กสทช.ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า สำนักงาน กสทช.ไม่ทราบว่า สภาองค์กรของผู้บริโภคได้รับเอกสารมาจากไหน จึงมีความสงสัยติดใจในกระบวนการทำงานด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ของ กสทช. ซึ่งทราบเบื้องต้นว่า ดร.พิรงรอง รามสูต หนึ่งในบอร์ด กสทช.เป็นผู้รับผิดชอบด้านนี้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทั้งเรื่อง 14 เงื่อนไข และผลการศึกษาจากที่ปรึกษาต่างประเทศ SCF Associates Ltd. ถือเป็นความลับทางราชการ ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของบอร์ด กสทช. และยังอยู่ในอำนาจหน้าที่ของบอร์ด กสทช.ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามีหน้าที่ควบคุมกำกับดูแลการเก็บรักษาข้อมูลความลับเหล่านี้ไว้ให้มั่นคง การกระทำของ นางสาวสารี และนพ.ประวิทย์ รวมถึงผู้เกี่ยวข้องหรือบุคคลผู้มีหน้าที่ในการเก็บรักษาหรือเข้าถึงความลับนี้ จึงน่าจะมีส่วนในการรู้เห็นหรือร่วมกัน เพื่อสนับสนุนแนวคิดหรือน่าจะชี้นำในการคัดค้านมีให้มีการควบรวมทรูดีแทค
โดยคาดว่าใน 1-2 วันนี้จะยื่นเอกสารเพิ่มเติม เพื่อกล่าวโทษบุคคลทั้งสองต่อไป จากกรณีที่มีการเผยแพร่ผลการศึกษาของที่ปรึกษาต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นความผิดฐานเปิดเผยความลับทางราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 , 86 , 164 และบิดเบือนข้อความจริงหรือนำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พศ.2550 มาตรา 14