“ทองนิวยอร์ก” ปิดบวก 15 เหรียญ หลังดอลลาร์อ่อนค่า-บอนด์ยีลด์ร่วง
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดบวกที่ 1,664 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 15.1 โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 3.996%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 15.1 ดอลลาร์ หรือ 0.92% ปิดที่ 1,664 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 64.8 เซนต์ หรือ 3.59% ปิดที่ 18.719 ดอลลาร์/ออนซ์
นอกจากนี้สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 18.7 ดอลลาร์ หรือ 2.09% ปิดที่ 913.6 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.60 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 1,999.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สำหรับดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 1.13%สู่ระดับ 112.0320 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 3.996% เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ร่วงลงสู่ระดับ 9.1 ในเดือนต.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5 จากระดับ 1.5 ในเดือนก.ย.
อย่างไรก็ตาม ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก และเป็นการหดตัวติดต่อกันเดือนที่ 3