SAMART มั่นใจปีนี้ “เทิร์นอะราวด์” ปี 66 รายได้โต 30% พร้อมดัน SAV เข้าตลาดฯ

SAMART มั่นใจปีนี้ “เทิร์นอะราวด์” ปีหน้ารายได้โต 25-30% หลังตุนแบ็กล็อกแน่นแตะ 1 หมื่นล้านบาท พร้อมดัน SAV เข้าตลาดหุ้น


นายวัฒน์ชัย  วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์และการพัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART คาดว่าในปีนี้บริษัทจะกลับมามีกำไร จากปีก่อนขาดทุน 389.08 ล้านบาท โดยคาดว่ารายได้จะทำได้ใกล้เคียงเป้าหมาย 14,000 ล้านบาท เนื่องจากยังมีงานบางส่วนติดปัญหาขาดแคลนชิพ และสถานการณ์น้ำท่วม ทำให้ส่งมอบงานล่าช้ากว่าแผน

ส่วนปี 66 คาดว่ารายได้จะปรับตัวสูงขึ้น 25-30% จากปี 65 เนื่องจากบริษัทและบริษัทในกลุ่มมีงานใหม่เพิ่มเข้ามา โดยขณะนี้งานในมือ (Backlog) สูงขึ้นไปถึงกว่า 1 หมื่นล้านบาท

“มั่นใจปีนี้เราจะกลับมาเห็นการเติบโต ปีนี้เป็นปี Turnaround ปีหน้าคาดว่าจะแจ่มใส”นายวัฒน์ชัย กล่าว

โดยในปีนี้ บริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่  คือ ระบบพิมพ์รหัสควบคุมบนบรรจุภัณฑ์ (Direct Coding System) บนขวดเบียร์ เมื่อเดือน ก.ค.65 โดยทำรายได้ 60-70 ล้านบาท/เดือน และคาดว่าในไตรมาส 4/65 อาจทำรายได้มากขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น ดังนั้นทั้งปีนี้คาดว่าจะรับรู้รายได้ราว 400-500 ล้านบาท และปีหน้าจะรับรู้เต็มปีราว 1,100 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ต่อเนื่อง 7 ปีตามอายุสัญญา มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาทเข้ามาเป็นรายได้ประจำ (Recurring income) นอกจากนี้ยังมีโอกาสขยายงานไปยังเครื่องดื่มชนิดอื่น ซึ่งอยู่ระหว่างหารือกับกรมสรรพสามิต เพื่อให้บริษัทฯมีรายได้ประจำมากขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทเพิ่งชนะงานติดตั้งระบบวงจรปิดและเช่ากล้องรวมซ่อมบำรุงของหน่วยงานรัฐ มูลค่างาน 600 ล้านบาท อายุสัญญา 5 ปี คาดจะเซ็นสัญญาในสัปดาห์หน้า จะทำให้งานในมือส่วนนี้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่ 200 ล้านบาท

สำหรับบริษัท สามารถ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTEL ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SAMART ถือหุ้นอยู่ 70% คาดว่าในปีนี้จะมีรายได้ 6,000-7,000 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีงานใหม่เข้ามา 4,650 พันล้านบาท คาดว่า 2 เดือนสุดท้ายของปีจะเซ็นงานโครงการใหม่เข้ามาอีก 1,800 ล้านบาท จะทำให้ปีนี้มีงานใหม่จำนวน 6,500 ล้านบาทตามเป้าหมาย และทำให้งานในมือ (Backlog) ปลายปีนี้มี 7,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากปี 64 โดยปัจจุบัน Backlog มีอยู่ 7,790 ล้านบาท

ขณะนี้ SAMTEL ยังได้เริ่มหางานใหม่ที่จะเป็น Recurring income ซึ่งเป็นโครงการใหญ่และมีอายุสัญญา 7-10 ปี โดยอยู่ระหว่างเจรจากับหน่วยงานรัฐ 3-4 แห่งคาดว่าหากดีลได้สำเร็จจะมี Backlog เข้ามาประมาณ 1-2 หมื่นล้านบาทในปี 66

ด้าน บริษัท สามารถ ดิจิตอล จำกัด (มหาชน) หือ SDC ที่ SAMART ถือหุ้นอยู่ 69% นายวัฒน์ชัย คาดว่าในปีหน้าฟื้นตัวชัดเจนและน่าจะพลิกมีกำไรได้ ซึ่งในปัจจุบันมี 2 ธุรกิจ คือ Digital Trunk Radio คาดว่าปีหน้าจะ Break event  โดยขณะนี้ยังติดปัญหาขาดแคลนชิพ และสถานการณ์น้ำท่วมในบางพื้นที่ ส่วนธุรกิจ Digital Content Service เกี่ยวกับธุรกิจด้านความเชื่อและโหราศาสตร์ภายใต้บริษัท ลัคกี้ เฮงเฮง จำกัด (Lucky Heng Heng) ดำเนินธุรกิจและให้บริการด้าน Mu tech เต็มรูปแบบ

โดยธุรกิจ Digital Trunk Radio ทยอยรับรู้รายได้จากผู้ใช้ปัจจุบัน ได้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และกระทรวงมหาดไทย จำนวนรวม 85,000 ราย และยังมีโอกาสขยายฐานผู้ใช้บริการในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่ยังให้ความสำคัญและความจำเป็นของการพัฒนาโครงข่ายวิทยุคมนาคมของประเทศในการประสานงานระหว่างส่วนกลางไปยังส่วนภูมิภาค และท้องถิ่นโดยเฉพาะในยามที่มีภัยพิบัติ หรือเหตุฉุกเฉิน และยังมีการต่อใบอนุญาตคลื่น 800 ของบมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT)

ส่วนบริการ MU Tech อยู่ระหว่างหาทุนผ่าน Venture Capital (VC) ซึ่งได้โรดโชว์ไป 2 แห่งแล้ว ทั้งที่ค่ายมือถือ และบุคคลธรรมดา โดยบริษัทต้องการหาผู้ร่วมทุนที่เป็นผู้ให้บริการมือถือเพราะมองว่าสามารถ Synergy และกระจายฐานลูกค้าได้รวดเร็ว รวมทั้งธุรกิจมีเดีย หรือแบงก์ ทั้งนี้บริษัทต้องการระดมทุน 100 ล้านบาท คาดว่าจะสรุปผู้ร่วมทุนได้ในเดือนก.พ.66

โดย MU Tech มีการให้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น 2 แอพ ได้แก่ Horoworld บริการดูดวงสดออนไลน์ ดูโหงวเฮ้ง ฮวงจุ้ย และฤกษ์มงคลต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมียอดดาวน์โหลด 30,000 ราย  และ Thai Merit Application บริการใหม่สำหรับสายบุญทั้งในและต่างประเทศ เพิ่งเริ่มเปิดตัว โดยตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะมียอดดาวน์โหลดทั้งสองแอพ จำนวน 100,000 ราย

นายวัฒน์ชัย ยังกล่าวว่า บริษัทเตรียมนำหุ้นบริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAV เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยจะยื่นไฟลิ่งในเดือน มี.ค. 66 และคาดเข้า SET ได้ในไตรมาส 3/66 โดยจะนำหุ้นเพิ่มทุน (10%) และหุ้นเดิมของ SAMART (15%) เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) โดยมีทุนจดทะเบียน 320 ล้านบาท ราคาพาร์ 0.50 บาท โดยหลังจากขายหุ้น IPO นั้น SAMART จะลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 70% จากปัจจุบัน 100% โดยมี บล.เอเชีย พลัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน จากที่ก่อนหน้านี้ บริษัทได้ระงับการเข้าตลาดหุ้นไปเมื่อปี 63 เนื่องจากเกิดสถานการณ์การระบาดโควิด

สำหรับ SAV ถือหุ้น 100% ในบริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิก เซอร์วิสเซส จำกัด (CATS) ที่ดำเนินุธุรกิจด้านศูนย์ให้บริการควบคุมการจราจรทางอากาศครอบคลุมทั่วน่านฟ้าประเทศกัมพูชา ปัจจุบันธุรกิจกลับมา 50-60% ของช่วงก่อนเกิดโควิด (ในปี 62) ที่มีกำไรสูงสุดที่ 600 ล้านบาท โดยในเดือนก.ย.65 มีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าเป็นเกือบ 7,000 เที่ยวบินจาก ก.ย.64 ส่วนหนึ่งมาจากเที่ยวบินที่ผ่านน่านฟ้ากัมพูชาหรือไปยังฝั่งแปซิฟิค บินไปยังเวียดนาม ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น โดยในงวด 9 เดือนปี 65 มีจำนวนเที่ยวบิน 44,200 เที่ยวบิน เทียบกับสถานการณ์ปกติมีจำนวนเที่ยวบิน 100,000 เที่ยวบิน/ปี โดยในปี 66 คาดธุรกิจจะกลับมา 80% และเต็ม 100% ในปี 67 นอกจากนี้ ล่าสุด CATS ได้รับการต่ออายุสัมปทานอีก 10 ปี หรือสิ้นสุดในปี 2594 ซึ่งยังเหลืออายุสัมปทานอีก 29 ปี

ทั้งนี้ รัฐบาลกัมพูชามีแผนส่งเสริมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อาทิ นโยบายส่งเสริมการค้าและการลงทุนร่วมกับจีน นโยบายส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวกับเวียดนาม ลาว อินโดนีเซีย เกาหลี และอื่นๆ การเป็นเจ้าภาพจัดงาน Asian Tourism Forum ในเดือน ม.ค.66 การเตรียมความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากทั่วโลก ด้วยการปรับปรุงสนามบินและก่อสร้างสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ คือ New Suem Reap เปิดต.ค.66 และ New Phnom Penh และ Dara Sakor

Back to top button