CKP ทุ่มงบ 2.1 หมื่นล. ซื้อหุ้น “หลวงพระบางพาวเวอร์” หนุนถือแตะ 50%
“ซีเค พาวเวอร์” ทุ่มงบ 2.1 หมื่นล้านบาท เข้าซื้อหุ้น "หลวงพระบางพาวเวอร์" เพิ่ม 8% หนุนถือรวม 50% ของทุนจดทะเบียน LPCL
บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2565 เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2565 มีมติเห็นชอบในการเข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท หลวงพระบางพาวเวอร์ จำกัด (LPCL) มูลค่ารวม 21,521.76 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.การเข้าซื้อหุ้นสามัญใน LPCL จากบริษัท พีที จำกัด ผู้เดียว (PTS) ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน จำนวน 0.26 ล้านหุ้น (คิดเป็นสัดส่วน 8.00 % ของทุนจดทะเบียน และชำระแล้วของ LPCL จำนวน 32.00 ล้านบาท ณ วันที่จดทะเบียนจัดตั้ง LPCL) ซึ่งมีมูลค่ารวม 2.56ล้านบาท โดยภายหลังการเข้าทำรายการดังกล่าวทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทใน LPCL เพิ่มจาก 42.00% เป็น 50.00% ของทุนจดทะเบียนของ LPCL
2.การเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 50% ของทุนจดทะเบียนของ LPCL ในวงเงินรวมสูงสุดไม่เกิน 21,519.20 ล้านบาท ตามพันธะผูกพันของบริษัทภายใต้สัญญาการลงทุนของผู้ถือหุ้น (Equity Contribution Agreement) ระหว่าง LPCL กับธนาคารผู้ให้กู้ โดยให้บริษัททยอยชำระเงินทุนดังกล่าวตามกำหนดการเรียกชำระเงินทุนของ LPCL จนกว่าการก่อสร้างโครงการไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง (โครงการ LPHPP) จะแล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ (ภายในเดือนธันวาคม 2572)
นอกจากนี้ อนุมัติการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกันในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินในรูปแบบเงินกู้ยืมผู้ถือหุ้น (Shareholders Loan) แก่ LPCL ในกรณีการจัดหาเงินของ LPCL ไม่เพียงพอต่อการก่อสร้างโครงการ LPHPPให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดโดยอาจจะเกิดจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นจากที่ประมาณการไว้(Cost Overrun) (หากมี)ในวงเงินรวมสูงสุดไม่เกิน 9,166.30ล้านบาท และเมื่อรวมดอกเบี้ยแล้วไม่เกิน 18,505.54 ล้านบาท ตามพันธะผูกพันของบริษัทภายใต้สัญญาให้การสนับสนุนทางการเงิน (SponsorsSupport Agreement) ระหว่าง LPCL กับธนาคารผู้ให้กู้
รวมทั้งการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกันในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ PTS ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของ LPCL ด้วยการชำระเงินทุนแทนในกรณีที่ PTS ไม่สามารถชำระเงินทุนตามส่วนของตนที่มีพันธะผูกพันได้จนงานก่อสร้างโครงการ LPHPP แล้วเสร็จ
โดยบริษัทฯจะรับผิดชอบในวงเงินรวมสูงสุดไม่เกิน 14,336.60ล้านบาท และเมื่อรวมดอกเบี้ยแล้วไม่เกิน 29,737.81 ล้านบาท ตามพันธะผูกพันของบริษัทภายใต้สัญญาการลงทุนของผู้ถือหุ้น (Equity Contribution Agreement) ระหว่าง LPCL กับธนาคารผู้ให้กู้
ทั้งนี้ที่ประชุมได้อนุมัติแต่งตั้งให้ บริษัท แคปปิตอล แอ๊ดแวนเทจ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อแสดงความเห็นเกี่ยวกับความสมเหตุสมผลและประโยชน์ต่อบริษัท รวมถึงความเป็นธรรมของราคาและเงื่อนไขของรายการที่เกี่ยวโยงกัน