EKH ส่งซิก Q4 โตแกร่ง รับไฮซีซั่น โบรกเชียร์ซื้อเป้า 9.20 บ.
EKH ส่งสัญญาณกำไรไตรมาส 4/65 โตแกร่ง รับไฮซีซั่น ธุรกิจ Health Care จำนวนผู้รับบริการ IPD และ OPD เพิ่มขึ้น ฟาก “บล.กรงศรี” เชียร์ซื้อเป้า 9.20 บ. คาดปี 66 กวาดกำไร 227 ลบ.
นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการและผู้อำนวยการโรงพยาบาล บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH ผู้ประกอบธุรกิจสถานพยาบาลเอกชนในจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้เชื่อว่าจะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ Health Care เพราะเปลี่ยนฤดูกาลทำให้จำนวนผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงบรรยากาศการกลับเข้ามาใช้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) ของลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะลูกค้าชาวจีนเริ่มฟื้นตัวจากการเปิดประเทศอย่างมีนัยสำคัญ โดยขณะที่การเปิดให้บริการโรงพยาบาลคูน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ช่วยสนับสนุนให้การเติบโตรายได้และกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามถึงแม้การระบาดของโควิด-19 จะลดลง และส่งผลให้รายได้จากกลุ่มคนไข้โควิดลดลง แต่ EKH ยังมีรายได้จากผู้ป่วยกลุ่มนอกเหนือจากการรักษาโควิด (Non-Covid) ที่สูงขึ้น
“จากปัจจัยบวกต่าง ๆ ทำให้เชื่อว่าภาพรวมธุรกิจและผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในช่วงที่เหลือของปีนี้จะยังคงสดใส ซึ่งถือเป็นสัญญาณดีต่อภาพรวมธุรกิจ ซึ่งช่วยสนับสนุนให้รายได้ และกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”นายแพทย์อำนาจกล่าว
ด้านบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดว่ากำไรปี 2566 ของ EKH จะอยู่ที่ 227 ล้านบาท หรือโต 9% และปี 2567 จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 286 ล้านบาท หรือโต 18% ซึ่งสูงกว่าระดับก่อนโควิด โดยได้รับอานิสงส์จากการปลดล็อคอุปสงค์คงค้างจากศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) และรายได้จาก Non-Covid ฟื้นตัวและปรับราคาขึ้นอีก 3-5%
สำหรับรายได้จาก IVF คาดว่าจะเติบโตก้าวกระโดดเป็น 150 ล้านบาท หรือคิดเป็น 68% ในปี 2566 และ 200 ล้านบาท หรือคิดเป็น 90% ในปี 2567 ของรายได้ IVF ก่อนโควิด จากปี 2563-2564 ที่มีรายได้ 38-42 ล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไรจำนวน 30 ล้านบาทในปี 2566 และ 40 ล้านบาทในปี 2567 จากที่ขาดทุน จำนวน 14 -24 ล้านบาท ในปี 2563-2564 เนื่องจากการปลดล็อคอุปสงค์คงค้างของลูกค้าจีน (นโยบายให้มีบุตรได้มากกว่า 2 คนเริ่มเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2564) ซึ่งคาดว่าจีนจะเปิดประเทศหลังประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์วันที่ 16 ต.ค.นี้ โดยรายได้จากลูกค้าจีนคิดเป็น 90% ของรายได้ IVF ก่อนโควิด
ทั้งนี้รายได้ที่ไม่ได้เกิดจากโควิด-19 คาดว่าจะฟื้นตัว โดยเฉพาะศูนย์สูตินารีเวช และศูนย์กุมารเวช (EKH มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเทียบกับรพ.เอกชนในสมุทรสาคร) และศูนย์อุบัติเหตุ ซึ่งทางฝ่ายวิเคราะห์คาดว่ารายได้ Non-Covid จะเพิ่มขึ้น 16% เป็น 970 ล้านบาทในปี 2566 และ 12% เป็น 1,100 ล้านบาท ในปี 2567 จากจำนวนผู้ป่วยโรคระบาดตามฤดูกาลและอุบัติเหตุในโรงงานสูงขึ้น ซึ่ง EKH ยังมีแหล่งรายได้เพิ่มจากการตรวจ ATK ผู้ป่วยที่มีไข้และขยายแผนกไตเทียม
ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์จึงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 9.20 บาท จาก 29 เท่า PER (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตเล็กน้อย) และมีอัพไซด์จากการจดทะเบียนในตลาด mai ของ KLINIQ อีก 0.3-0.4 บาท/หุ้น