SC ลุ้นกำไร Q3 โต 19% แตะ 650 ลบ. จับตาไตรมาส 4 นิวไฮ 800 ล้าน
โบรกแนะซื้อ SC ราคาเหมาะสม 5 บาท คาดกำไรไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 650 ล้านบาท โต 19% จากปีก่อน ลุ้นไตรมาส 4/65 ทำนิวโฮที่ 800 ล้านบาท รับรู้ Backlog แนวราบที่ยกมาจากไตรมาส 3/65 ราว 5.1 พันล้านบาท และรุกเปิดโครงการแนวราบใหม่อีกจำนวนมาก พร้อมคาดงวดครึ่งหลังปี 65 จ่าย Yield 4%
บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ระบุรายงานยอด Presales ในช่วงไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 23% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากเลื่อนการเปิดคอนโด SCOPE Thonglor มูลค่า 2.5 พันล้านบาท ทำให้เป็นเปิดตัวแนวราบทั้งหมด 6 โครงการ มูลค่ารวม 9.7 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ ในช่วงปลายไตรมาส
ทว่าหากพิจารณาผลตอบรับยังดีต่อเนื่อง ทำอัตราการขายสูงเฉลี่ย 24% ท่ามกลางอุปสงค์ระดับบนที่แข็งแกร่ง ทำให้ยอด Presales 9 เดือนแรกของปี 2565 ทำได้ 1.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 78% ของเป้าทั้งปีที่ 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าบรรลุได้จากโมเมนตัมที่คาดเร่งตัวขึ้นในไตรมาส 4/2565 ที่มีแผนเปิดโครงการมากสุดของ ปีจำนวน 11 โครงการ มูลค่ารวม 1.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 10 แห่ง มูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท และคอนโด 1 แห่งซึ่งเลื่อนมาจากไตรมาส 3/2565
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 650 ล้านบาท ขยายตัวดีขึ้น 12% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีแรงหนุนหลักจากความสำเร็จของการเน้นขายและโอนบ้านเดี่ยวระดับบนราคามากกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 2/2565 โดยเฉพาะแบรนด์Flagship อย่าง Bangkok Boulevard, Bangkok Boulevard Signature ซึ่งมาร์จิ้นสูง หนุนให้ยอดโอนคาดทำได้ 5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นการ ขายอสังหาฯปรับขึ้นเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ไตรมาสที่ 33% เทียบกับไตรมาส 2/2565 ที่ 31.3% และไตรมาส 3/2564 ที่ 30.2%
นอกจากนี้ ประเมินแนวโน้มทิศทางผลประกอบการไตรมาส 4/2565 คาดเร่งขึ้นต่อและเป็นจุดสูงสุดของปีเบื้องต้นประเมินระดับ 700-800 ล้านบาท ผลักดันจากการรับรู้ Backlog แนวราบที่ยกมาจากไตรมาส 3/2565 คาด 5.1 พันล้านบาทและรุกเปิดโครงการแนวราบใหม่อีกจำนวนมาก
รวมถึงเริ่มโอนกรรมสทิธคิ์อนโดใหม่ 3 โครงการอย่าง SCOPE Langsuan มูลค่า 8.4 พันล้านบาท มียอดขาย 41%, SCOPE Promsri มูลค่า 1 พันล้านบาท มียอดขาย 43% และ โครงการ JV The Crest Park Residence มูลค่า 3.1 พันล้านบาท มียอดขาย 33%
ผลดังกล่าวทำให้ประมาณการกำไรปี 2565 อยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ทำสถิติสูงสุดใหม่ปีที่ 2 ติดต่อกัน และปี 2566 เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท
ดังนั้นคงราคาเหมาะสมปี 2566 ที่ 5 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบนค่า PE ปี 2566 ที่ 6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 7.7 เท่า และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ 8.1 เท่า พร้อมคาดให้ปันผลสูง 6-7% ต่อปี โดยคาดงวดครึ่งหลังปี 2565 จ่าย Yield 4% ระยะสั้นมีCatalyst จากงบไตรมาส 3/2565 โตจากไตรมาสก่อน และเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และดีต่อเนื่องในไตรมาส 4/2565
ขณะที่ปี 2566 คาดการเปิดโครงการ ใหม่ยังเน้นแนวราบระดับบนเป็นหลัก ซึ่งมีกำลังซื้อดีและอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจน้อย กว่ากลุ่มอื่น อีกทั้ง เดินหน้าเพิ่มรายได้ประจำผ่าน Service Apartment ในสหรัฐ, ธุรกิจโรงแรม เปิดแห่งแรกที่ราชวัตรเดือนธ.ค.นี้และคลังสินค้าเปิดปลายปี 2566 ซึ่งคาดว่าธุรกิจอื่นจะสร้างรายได้เป็นรูปธรรมภายในปี 2568 และเป็นบวกต่อการเติบโต อย่างมั่นคงระยะยาว