“ซูนัก” นั่งเก้าอี้นายกอังกฤษ “ชาวอินเดีย” ร่วมยินดี
“ชาวอินเดีย” ต่างแสดงความยินดี “ซูนัก” ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนแรกที่มีเชื้อสายอินเดีย และเป็นชาวฮินดู ขณะที่นักลงทุนคาดว่าด้วยประสบการณ์ จะทำให้เขาสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซา และเงินเฟ้อที่พุ่งสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวอินเดียต่างแสดงความยินดีต่อการที่ นายริชิ ซูนัก อดีตรัฐมนตรีคลังอังกฤษ ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนแรกที่มีเชื้อสายอินเดีย และเป็นชาวฮินดู
อานูจ ฮาร์ นักเขียนหนังสือสนับสนุนการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของอินเดีย กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่บุคคลที่มีเชื้อสายอินเดียสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำของอังกฤษ
ราจีฟ ซาร์เดไซ พิธีกรข่าวชื่อดังของอินเดีย กล่าวว่า ชัยชนะของนายซูนักเกิดขึ้นประจวบเหมาะกับการครบรอบ 75 ปีของการที่อินเดียได้รับอิสรภาพจากการเป็นอาณานิคมของอังกฤษ
ปรีติ คานธี สมาชิกรัฐสภาอินเดีย กล่าวว่า เธอมีความสุขอย่างมากจากการที่ชาวฮินดูคนหนึ่งที่ไม่ลืมรากเหง้าของตัวเองประสบความสำเร็จในวันนี้
โดยนายซูนักขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษในวันนี้ เกิดขึ้นพร้อมกับการที่ชาวฮินดูทั่วโลกเฉลิมฉลองเทศกาล Diwali Balipratipada ในวันนี้ ซึ่งเป็นเทศกาลแห่งแสงสว่างของศาสนาฮินดู
อีกทั้ง คุณซูนักขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษถือเป็นของขวัญในเทศกาล Diwali ที่ยิ่งใหญ่สำหรับอังกฤษ และเป็นเหตุผลสำหรับการเฉลิมฉลองในอินเดีย ราจีฟ โดกรา อดีตนักการทูตอินเดียระบุในทวิตเตอร์
ทั้งนี้ พรรคอนุรักษ์นิยมของอังกฤษประกาศให้นายซูนักคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคฯในวันนี้ ซึ่งทำให้นายซูนักขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษโดยอัตโนมัติ เนื่องจากพรรคอนุรักษ์นิยมครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ
ส่วนการประกาศชัยชนะของนายซูนักมีขึ้น หลังจากที่ นางเพนนี มอร์ดอนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ ประกาศถอนตัวจากการแข่งขัน หลังจากที่ไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษสังกัดพรรคอนุรักษ์นิยมได้ถึง 100 เสียงตามข้อบังคับพรรคฯ
ทั้งนี้ นายซูนักถือเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนแรกที่มีเชื้อสายอินเดีย และด้วยวัย 42 ปี ทำให้เขาเป็นผู้นำอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองอังกฤษสมัยใหม่
ขณะที่นักลงทุนคาดว่าด้วยประสบการณ์ของนายซูนัก ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีคลังอังกฤษ และอดีตนักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ หลังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จะทำให้เขาสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซา และเงินเฟ้อที่พุ่งสูงของอังกฤษในขณะนี้
นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ระบุเตือนก่อนหน้านี้ว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเผชิญภาวะถดถอยยาวนานกว่า 1 ปี โดยจะเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2565 จนถึงสิ้นปี 2566