“ดาวโจนส์” พุ่งกว่า 500 จุด คลายกังวลเศรษฐกิจถดถอย หลัง GDP โตกว่าคาด!
“ดาวโจนส์” ทะยานกว่า 500 จุด นักลงทุนคลายกังวลเศรษฐกิจถดถอย หลัง GDP ไตรมาส 3/65 ออกมาโตกว่าคาดการณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 500 จุด ขานรับการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ที่สูงกว่าคาดการณ์ ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐสามารถรับมือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
โดย ณ เวลา 21.33 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 32,388.42 จุด บวก 549.31 จุด หรือ 1.73%
ดัชนี Nasdaq บวก 0.02% หลังจากร่วงลงสู่แดนลบในช่วงแรก โดยได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวลงของราคาหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ซึ่งบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3 ขณะที่ธุรกิจเมตาเวิร์สขาดทุนอย่างหนัก
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับ GDP ประจำไตรมาส 3 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.6% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.3%
ทั้งนี้ การเปิดเผยตัวเลข GDP ดังกล่าวช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ หลังจากเศรษฐกิจหดตัว 1.6% ในไตรมาส 1 และ 0.6% ในไตรมาส 2 ซึ่งทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค
สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐ (NBER) ถือเป็นหน่วยงานในการตัดสินเกี่ยวกับการขยายตัวหรือการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยจะมีการพิจารณาจากหลายปัจจัย ได้แก่ การจ้างงาน การบริโภค การผลิตในภาคอุตสาหกรรม และรายได้ส่วนบุคคล ก่อนที่จะทำการประกาศอย่างเป็นทางการ
โดยตลาดยังขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่สูงกว่าคาดของบริษัทคอมแคสต์, แคทเธอร์ พิลลาร์ และแมคโดนัลด์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทแอมะซอนและแอปเปิลหลังจากปิดตลาดวันนี้
นอกจากนี้ การซื้อขายยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานที่ต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 217,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 223,000 ราย
โดยนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ