โบรกเชียร์ “ซื้อ” NER ชี้กำไรครึ่งหลังปี 65 ฟื้น ลุ้นปันผลเกิน 7%
โบรกเชียร์ “ซื้อ” หุ้น NER ชี้กำไรไตรมาส 3/65 ฟื้นตัว รับปริมาณ-ราคาขายยางพาราเพิ่ม ประเมินไตรมาส 4/65 โตต่อเนื่อง เคาะเป้า 9 บ. ลุ้นปันผลสูง 7%
บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จํากัด หรือ บล.เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นบริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER คาดกำไรสุทธิงวดไตรมาส 3/65 เท่ากับ 505 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 32.1% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และ 14.7% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยคาด NER จะบันทึกขาดทุนจาก FX เข้ามา 70 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการดังกล่าว คาดกำไรปกติงวดไตรมาส 3/65 เท่ากับ 575 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 29.1% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 5.7% เมื่อเทียบจากปีก่อน มีปัจจัยสนับสนุนจาก 1) คาดการณ์รายได้รวมงวดไตรมาส 3/65 จะเพิ่มขึ้นถึง 38.7% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และ 2.2% เมื่อเทียบจากปีก่อน มาที่ 7.3 พันล้านบาท จากแนวโน้มปริมาณขายยางพาราเพิ่มขึ้นถึง 41.4% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 10.4% เมื่อเทียบจากปีก่อน มาที่ 1.3 แสนตัน จากคำสั่งซื้อของลูกค้าในจีนและอินเดียเพิ่มขึ้น จากลูกค้าจีนเพิ่มคำสั่งซื้อและการได้ลูกค้าใหม่จากอินเดีย และปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนทยอยดีขึ้น ทำให้การส่งมอบยางพาราได้เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าแนวโน้มราคาขายางพาราเฉลี่ยงวดไตรมาส 3/65 ที่จะอ่อนตัวลง 1.9% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 14.1% เมื่อเทียบจากปีก่อน มาที่ 58.50 บาท/กก. ตามทิศทางราคายางพาราในตลาดโลก
รวมทั้ง 2) คาดการณ์ Gross margin งวดไตรมาส 3/65 จะปรับเพิ่มขึ้นมาที่ 12.7% จาก 11.7% ในงวดก่อน จากการประหยัดต่อขนาด และผลบวกจากทิศทางค่าเงินบาทเฉลี่ยงวดไตรมาส 3/65 ที่อ่อนค่าลง 5.8% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนและ 10.6%เมื่อเทียบจากปีก่อน มาที่ 36.4 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าแนวโน้มสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/Sales งวดไตรมาส 3/65 ที่จะเพิ่มขึ้นมาที่ 3.0% จาก 1.9% ในงวดไตรามาส 2/65 ผลกระทบจากแนวโน้มค่าใช้จ่ายในการขายสูงขึ้น ตามแนวโน้มปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าสงเคราะห์ (Cess) และค่าขนส่ง เป็นต้น
โดยรวมแล้วคาดการณ์กำไรสุทธิงวด 9 เดือนปี 65 เท่ากับ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% เมื่อเทียบจากปีก่อน และคิดเป็น 72% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ ขณะที่คาดกำไรปกติงวด 9 เดือนปี 65 เท่ากับ 1.5 พันล้านบาท ลดลง 3.1%เมื่อเทียบจากปีก่อน คิดเป็น 77% ของประมาณการกำไรปกติปี 65 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้
อย่างไรก็ดีคงประมาณการกำไรสุทธิปี 65-66 จะเพิ่มขึ้น 2.2% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 9.9% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากแนวโน้มปริมาณขายยางพาราและทิศทางราคายางพาราปรับเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคาดกำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/65 จะเติบโตจากงวดไตรมาส 3/65 จากแนวโน้มปริมาณขายยางพาราเพิ่มขึ้น และคาด gross margin งวดไตรมาส 4/65 จะยังดีต่อเนื่อง จากการประหยัดต่อขนาด และผลบวกจากทิศทางค่าเงินบาทเฉลี่ยงวดไตรมาส 4/65 อ่อนค่าลงจากงวดไตรมาส 3/65
สำหรับความคืบหน้าธุรกิจแผ่นปูนอนปศุสัตว์ ปัจจุบัน NER ได้ติดตั้งเครื่องจักรเสร็จแล้ว โดยปัจจุบันขายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งยังขายในปริมาณไม่มากนัก และจะเริ่มส่งออกสู่ ต่างประเทศตั้งแต่งวดไตรมาส 1/66 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการผลิตและขายเพิ่มขึ้น (ramp up order) โดย NER ได้มีการทำการตลาดและมีลูกค้ารองรับไว้บ้างแล้ว โดยฝ่ายวิจัยยังไม่ได้รวมธุรกิจ ดังกล่าวไว้ในประมาณการกำไรสุทธิปี 65-66
แม้ว่าฝ่ายวิจัยจะปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 9 บาท (เดิมราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 10.20 บาท) อิง PER ที่ 8 เท่า (เดิม 10 เท่า) สะท้อนความเสี่ยงเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ราคาหุ้นปรับฐานไปกว่า 18% นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน จนปัจจุบันมีค่า PER ปี 66 เพียง 5 เท่า มี Upside อีกกว่า 57% และคาดหวัง Div Yields ได้กว่า 7% จึงยังแนะนำ “ซื้อ”