“ดาวโจนส์” ปิดร่วง 500 จุด หลัง “พาวเวล” ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อ!

"ดัชนีดาวโจนส์" ปิดร่วงลงกว่า 500 จุด หลังจาก "เจอโรม พาวเวล" ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ส่งสัญญาณว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกต่อไป เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดในวันพุธ (2 พ.ย.65) หลังจาก นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกต่อไป เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,147.76 จุด ร่วงลง 505.44 จุด หรือ -1.55%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,759.69 จุด ลดลง 96.41 จุด หรือ -2.50% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,524.80 จุด ดิ่งลง 366.05 จุด หรือ -3.36%

โดยในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น หลังจากคณะกรรมการเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 3.75-4.00% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และส่งสัญญาณว่าจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.

กระทั่งตลาดร่วงลงในเวลาต่อมา หลังจากนายพาวเวลแถลงข่าวภายหลังการประชุมว่า “ภารกิจการต่อสู้กับเงินเฟ้อของเฟดยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก และข้อมูลที่เฟดได้รับนับตั้งแต่การประชุมครั้งที่แล้วยังบ่งชี้ว่า เฟดอาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ผมมองว่าขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย”

นอกจากนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า “เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีโอกาสที่จะหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยในช่วงเวลาที่เฟดปรับขึ้นอัตราเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แต่โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์แลนดิ้งนั้น มีน้อยลง เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อชะลอตัวอย่างเชื่องช้า”

อีกทั้งการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดครั้งล่าสุดนี้ มีขึ้นหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน (JOLTS) ที่พุ่งขึ้น 437,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 10.7 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 9.85 ล้านตำแหน่ง โดย JOLTS เป็นหนึ่งในข้อมูลที่เฟดใช้ในการพิจารณานโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ย

สำหรับข้อมูลแรงงานล่าสุดเมื่อคืนนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 239,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ตำแหน่ง จากระดับ 192,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.

ตามมาหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งรวมถึงกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย โดยหุ้นแอมะซอน ดิ่งลง 4.82% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 4.80% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ร่วงลง 4.89% หุ้นเทสลา ดิ่งลง 5.64% หุ้นเซลส์ฟอร์ซ ร่วงลง 6.14% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 3.87%

ส่วนหุ้นในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยนั้น หุ้นคาปรี โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 4.77% หุ้นไนกี้ ลดลง 3.7% หุ้นราล์ฟ ลอเรน ดิ่งลง 3.43%

ขณะที่หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 2.81% หลังบริษัทคาดการณ์ว่าจะสามารถส่งมอบเครื่องบินโบอิ้ง 737 จำนวน 400-450 ลำในปีหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้นจากจำนวน 375 ลำในปีนี้ นอกจากนี้ โบอิ้งคาดการณ์ว่าบริษัทจะมีกระแสเงินสด 3-5 พันล้านดอลลาร์ในปีหน้า ซึ่งสูงกว่าระดับ 1.5-2.0 พันล้านดอลลาร์ที่คาดการณ์ไว้สำหรับปีนี้
อย่างไรก็ตามนักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 205,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.

Back to top button