SCM คาด Q4 ปิดดีลพันธมิตร “สินเชื่อ” เพิ่ม เดินหน้าขยายสมาชิก-เจาะตลาดเกษตรกร
SCM เล็งไตรมาส 4/65 ปิดดีลพันธมิตร “สินเชื่อ” เพิ่มทางเลือกลูกค้า เดินหน้าขยายสมาชิก เจาะตลาดเกษตรกร พร้อมพัฒนาสกิลสมาชิก รุกขยายตลาดอินโดนีเซีย
นายแพทย์สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของปี 65 บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามแผนงานที่ตั้งเป้าหมายไว้ในด้านต่างๆ ด้วยความรอบคอบ และติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ยังมี กำลังซื้อเพิ่มเข้ามาตามการฟื้นตัวของโมเมนตัม (Momentum) ที่ดีอย่างต่อเนื่อง
โดยสินค้าตัวเอก คือ Growing More ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรกรที่มี High Margin สูง โดยมียอดขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 65 โตกว่า 60% เมื่อเทียบกับยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 64 ขณะที่สินค้ากลุ่ม Skin Care เติบโต 18% และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เติบโต 3%
นอกจากนี้แล้ว บริษัทฯ ยังมีกองทัพนักขยายเครือข่าย ที่พร้อมส่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพตอบรับเทรนด์ดูแลสุขภาพที่กำลังเป็นที่นิยม โดยเร็วๆ นี้จะมีแคมเปญ “ลดพุงเพื่อสุขภาพ” ตอกย้ำการเป็นเจ้าตลาดอาหารเสริมและสินค้าอุปโภคบริโภคของคนไทยที่เติบโตทั้งในและต่างประเทศ
ขณะที่ “ธุรกิจลิสซิ่ง” ภายใต้ชื่อ “บริษัท จัดให้ ลิสซิ่ง จำกัด” ที่ได้เปิดดำเนินการในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยเป็นการให้สินเชื่อประเภทเช่าซื้อ จำนำทะเบียนรถ และจํานองที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง นับเป็นการต่อยอดจากการมีฐานกลุ่มสมาชิก MLM ในประเทศไทยที่มีอยู่ประมาณ 136,000 ราย โดยได้เริ่มปล่อยสินเชื่อในระยะแรกกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือสมาชิกนักธุรกิจเครือข่ายของ SCM โดยใช้พื้นที่สาขาของบริษัท และระยะต่อไปจะขยายไปสู่บุคคลทั่วไป คาดว่าจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในระยะยาว ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปี 65 จะมีพอร์ต (Port) สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ประมาณ 50 ล้านบาท โดยในไตรมาส 4/65 บริษัทฯ คาดว่าจะสรุปดีลการเพิ่มพันธมิตรในธุรกิจสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกการให้บริการสินเชื่อกับลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น
ด้านนายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCM กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/65 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 278.3 ล้านบาท รายได้อื่นๆ 13.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 43.6 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายฐานสมาชิกเพิ่มรวมทั้งวางเป้าการแอคทีฟของฐานสมาชิกโดยการเพิ่มฐานสมาชิกด้วยการสร้างแบรนด์ให้ขยายวงกว้าง โดยได้เดินหน้ารุกทำการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์แบบจัดหนัก และการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย
ล่าสุด ได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เอส.โอ.ดี มอร์ (S.O.D MORE) ซึ่งตอนนี้มีการปล่อยภาพออกไปแล้ว คือ “มาริโอ้ เมาเร่อ” พระเอกหนุ่มสุขภาพดี ซึ่งถือเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ปลุกกระแสการดูแลสุขภาพเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายและเร็วขึ้น ถือเป็นการขยายฐานลูกค้าไปในตัว
พร้อมทั้งยกระดับความพรีเมียมของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เอส.โอ.ดี มอร์ ตัวช่วยสร้างภูมิคุ้มกันเสริมเกราะปกป้องสุขภาพ พร้อมแผนงานสร้างซัคเซสมอร์ให้เป็นแบรนด์ที่น่าเข้าร่วมทำธุรกิจและมีสินค้าที่หลากหลายและคุณภาพดี เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า รวมถึงแผนงานขยายตลาดไปในต่างประเทศเพิ่มเติม โดยภาพรวมทั้งหมดดำเนินการภายใต้กลยุทธ์หลักๆ ประกอบด้วย
- ขยายเพิ่มฐานสมาชิก ในรูปแบบของสมการ XYZ เช่น สำหรับ X คือ การเพิ่มฐาน Member ให้มีปริมาณที่เพิ่มขึ้น สำหรับ Y คือ คุณภาพของสมาชิกต้อง Active มากขึ้นต่อเดือน ส่วน Z คือ ยอด Order Side ที่สมาชิกแต่ละคนซื้อต้องมียอดเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมุ่งเน้นเจาะตลาดพื้นที่ที่มีกำลังซื้ออย่าง ภาคอีสานและภาคกลาง โดย ณ เดือนกันยายน 2565 บริษัทฯ มีจำนวนสมาชิกรวม 187,000 คน แบ่งเป็นสมาชิกในประเทศไทย 136,000 คน และสมาชิกในต่างประเทศ 51,000 คน คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมียอดสมาชิกอยู่ที่ 200,000 ราย
- เจาะขยายตลาดเกษตรกรและตลาด Silver Age ปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ (New Product) ในกลุ่มผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารเสริมจำนวน 1 รายการ คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อการนอนหลับ และสินค้าอีกจำนวน 2 รายการ ที่ได้ออกไปแล้วใน 9 เดือนแรกของปี คือ ผลิตภัณฑ์ Benfite’ (เบนฟิเต้) ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก (Oral Care) ทั้งเม้าท์วอช (น้ำยาบ้วนปาก) ยาสีฟัน(เนื้อครีม) เม้าท์สเปรย์ ที่มีส่วนผสมของกระชายขาวและฟ้าทะลายโจร และผลิตภัณฑ์แบรนด์ S Mone’ ครีมบำรุงผิวหน้า BRIGHTENING CREAM ในคอนเซปต์ “เปิดออร่าผิวสวย ปิดต้นเหตุผิวหมองคลํ้า ที่ได้กระแสตอบรับจากลูกค้าค่อนข้างดีในช่วงไตรมาส 3/65 ที่ผ่านมา รวมถึงอยู่ในช่วงพัฒนาและคิดค้นปุ๋ยน้ำ NPK เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเกษตรมากขึ้น รวมถึงบริษัทฯ ได้มีการจัดงานออฟไลน์ (Offline) อย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นงานที่ SCM มีความถนัด
- ขยายดีลเลอร์ต่างประเทศ ปัจจุบันที่มีตัวแทนจำหน่ายแล้วใน 6 ประเทศ ได้แก่ เมียนมา, ลาว, กัมพูชา, เวียดนาม, มาเลเซีย และสิงคโปร์ นอกจากนี้ SCM อยู่ระหว่างดำเนินการ (Operate) จัดตั้งสำนักงานในประเทศฟิลิปปินส์ รวมถึงกำลังศึกษาแนวทางขยายตลาดไปยังประเทศใกล้เคียง เช่น ประเทศอินโดนีเซีย และการหาตัวแทนฯ นำสินค้าไปจำหน่ายยังประเทศที่บริษัทฯ ไม่มีสำนักงานตั้งอยู่ อาทิ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยทั้งหมดนี้อยู่ในแผนการพัฒนาในปี 66
4.พัฒนายกระดับความแข็งแกร่งของทีมขยายเครือข่าย โดยได้เร่งพัฒนาทีมประจำภูมิภาคให้ได้ 10-15 ทีม เพื่อการสร้างการรับรู้แบรนด์และคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ไปยังผู้บริโภคให้มากขึ้น
ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 65 มีรายได้รวมจากการขายสินค้าและบริการที่ 835.2 ล้านบาท รายได้อื่นๆ 42.2 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 136.4 ล้านบาท แม้ผลการดำเนินงานจะชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (Y๐Y) แต่บริษัทฯ ยังสามารถรักษาอัตราการทำกำไรสุทธิอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยได้เดินหน้าบริหารจัดการและควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มุ่งพัฒนาให้สินค้าของซัคเซสมอร์เป็น Product Lover และ Brand Lover ผ่านการเข้าถึงลูกค้า ตอบโจทย์และสร้าง Community Marketing ควบคู่กันไป
สำหรับเป้าหมายการเติบโตในปี 66 ด้วยศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ใน 2 ส่วนที่โดดเด่นนั่นคือ การมีฐานสมาชิกที่เหนียวแน่น และพร้อมที่จะการพัฒนาสกิลและทำให้สมาชิก มีความเข้าใจในสินค้าและบริการมากยิ่งขึ้น รวมถึงการขยายตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพอย่างประเทศอินโดนีเซีย เป็นต้น
ทั้งนี้ SCM ถือเป็นหนึ่งในหุ้น Hight Growth ที่มีความสม่ำเสมอ ประกอบกับการที่บริษัทฯ ไม่มีหนี้ ทำให้สามารถบริหารจัดการการเงินได้อย่างลงตัว ถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้หุ้นของ SCM มีเสน่ห์ มีความเฉพาะตัวที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต