TWPC เปิดงบ Q3 กำไรโต 22% ปูพรมขยายฐานผลิต-ช่องทางขายเพิ่ม
TWPC โชว์กำไรไตรมาส 3/65 กำไรโต 22% แตะ 48 ลบ. รับอานิสงส์ยอดขายเพิ่ม ปูแผนขยายฐานการผลิต ชูกลยุทธ์สร้างสมดุลกลุ่มลูกค้า B2C- B2B หนุนผลงานแกร่งต่อเนื่อง
บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/65 และงวด 9 เดือนแรกของปี 65 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
นาย โฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TWPC กล่าวว่า ท่ามกลางความท้าทายระดับโลกของการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ ยังคงทำผลประกอบการที่แข็งแกร่งได้อย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยยอดขายทั่วโลกเพิ่มขึ้น 18% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 7% ซึ่งผลประกอบการที่ดีที่สุดมาจากธุรกิจอาหาร ที่เป็นธุรกิจหลักในประเทศไทยและเวียดนามที่มีการเติบโตเป็นตัวเลขถึงสองหลัก เป็นผลมาจากกลยุทธ์การเสริมความแข็งแกร่งในด้านการขายและการตลาดระดับโลก ห่วงโซ่อุปทาน และความสามารถด้านดิจิทัล และปีนี้เป็นปีแรกที่ TWPC สามารถคว้ารางวัลองค์กรดีเด่นที่น่าทำงานมากที่สุดในเอเชีย ประจำปี 2565 (HR Asia Best Company to Work for in Asia 2022) และรางวัล Rising Star จากความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สะท้อนถึงความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงการขับเคลื่อนทางด้านความยั่งยืน ตลอดจนการดำเนินงานที่เป็นเลิศทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
“การออกแบบและพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดโลกที่มีความแข็งแกร่งและสมดุล คือกลยุทธ์หลักของบริษัทนับตั้งแต่โควิด-19 เริ่มระบาดเมื่อเดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นมา ในฐานะที่เราเป็นหนึ่งในบริษัทเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจรจาก “ฟาร์มสู่ผู้บริโภค” ซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่รายในภูมิภาค เราได้ทุ่มเทเวลาในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่คุณค่าทั้งระบบของบริษัท ให้เหมาะสมกับแต่ละประเทศ และพัฒนาความสามารถของทีมขายให้พร้อมสำหรับตลาดโลก และเรายังคงสร้างความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในช่วงหลังยุคโควิดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่า” นาย โฮ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2566 TWPC ยังคงมุ่งมั่นสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และยังพร้อมก้าวเข้าสู่ตลาดที่มีผู้บริโภคขนาดใหญ่อย่างอินเดีย อินโดนีเซีย และสหรัฐอเมริกา บริษัทฯ เล็งเห็นแนวโน้มในระดับโลกที่ลูกค้าต้องการมีโซลูชันด้านอาหาร ที่มีปัจจัยด้านความสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ความคุ้มค่าด้านราคา และความสะดวกต่อผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญ ทางไทยวาได้ตั้งเป้าหมายที่จะได้ยกระดับการส่งมอบโซลูชันด้านอาหาร ให้ดียิ่งขึ้นด้วยความรวดเร็วและขยายวงให้ครอบคลุมมากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งกลยุทธ์ส่วนใหญ่ของเรามุ่งเน้นไปที่การสร้างสมดุลระหว่างกลุ่มลูกค้า B2C และ B2B ทั้งในประเทศไทย และประเทศหลัก ที่ครอบคลุมถึงจีน อินโดนีเซีย เวียดนาม อินเดีย สหรัฐอเมริกา ความต้องการที่มีต่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของไทยวาซึ่งได้แก่อาหารและผลิตภัณฑ์ส่วนประกอบอาหารนั้นเติบโตยิ่งกว่าช่วงก่อนโควิด-19 อย่างมาก บริษัทฯ จึงต้องมุ่งมั่นพัฒนาการดำเนินงานและเตรียมความพร้อมสำหรับการก้าวเข้าสู่ปี 2566 ตลอดจนวางกลยุทธ์สำหรับสินค้าด้านอาหารและนวัตกรรมต่อไป
ส่วนแผนการดำเนินงานในอนาคตจนถึงปี 2568 ไทยวาวางแผนที่จะสร้างการเติบโตทางด้านยอดขายอย่างมากในทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยขยายทั้งฐานการผลิต ช่องทางการจัดจำหน่าย และการทำการตลาด จาก 15 แห่งเป็น 20 แห่ง พร้อมทั้งเดินหน้าเสริมความแข่งแกร่งทางด้านความสามารถในการดำเนินงานทั้งในประเทศจีน เวียดนาม กัมพูชา และอินโดนีเซีย บริษัทฯ สามารถทำกำไรและรายได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ตั้งแต่ปี 2560 รวมทั้งยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ กว่า 20 รายการในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดอาหาร แป้ง วัตถุดิบออร์แกนิค และวัตถุดิบที่คัดสรรมาจากแหล่งผลิตที่ยั่งยืนทั่วโลก นอกจากนี้ เนื่องในโอกาสการจัดงานมหกรรมสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดในกรุงจาการ์ตา เมื่อเดือนกันยายน 2565 บริษัทฯ ยังได้เปิดตัว “ไทยวา อินโดนีเซีย” ซึ่งเป็น Flagship office ตั้งอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย
อย่างไรก็ดีเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นาย โฮ เรน ฮวา พร้อมด้วยผู้บริหารชั้นนำในประเทศไทยจากหลากหลายธุรกิจได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการประชุม UN Global Compact Thailand (GCNT) ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาล องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และภาครัฐร่วมเป็นสักขีพยาน และเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2565 ไทยวายังได้เข้าร่วมการประชุม Growth Asia Summit ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยเป็นการประชุมผู้นำทางความคิดและซีอีโอในภูมิภาคที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การทำฟาร์มแบบยั่งยืน ตลอดจนความต้องการด้านอาหารของผู้บริโภค
“ธุรกิจเกษตรและอาหารเป็นธุรกิจระดับโลก ความท้าทายเกี่ยวกับความมั่นคงด้านอาหารและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังจะเกิดขึ้น ทำให้เรามีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ที่จะต้องบริการลูกค้าทั่วโลกให้ได้เร็วขึ้นและดีขึ้น ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายและการทำตลาดทั่วโลกของเราเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงขึ้นมาก ปัจจุบันเราให้บริการลูกค้าในประเทศต่างๆ รวมถึงแบรนด์ชั้นนำระดับโลก และเรายังเป็นหนึ่งในบริษัทเพียงไม่กี่แห่งที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากพืชล้วนๆ จากฟาร์มจนถึงมือผู้บริโภค ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าทั่วโลก และในฐานะบริษัทชั้นนำด้านเกษตรและอาหารในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราจะสร้างความแข็งแกร่งให้เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง” นายโฮ กล่าว
โดยยิ่งไปกว่านั้น ไทยวาจะรุกการลงทุนในด้านพลังงานทดแทนอย่างเต็มที่ โดยมีเป้าหมายในการจัดหาพลังงานหมุนเวียนมากกว่า 15 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นระยะยาวในการลดปริมาณคาร์บอนให้เป็นศูนย์ และเป็นการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพในฐานะองค์กรหลัก ในช่วงต้นปี 2565 บริษัทฯ ได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ในด้านบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน ภายใต้แบรนด์ ROSECO ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ไบโอพลาสติกที่ผลิตจากแป้งมันสำปะหลังครั้งแรกในโลก และเป็นบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนที่มีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาพลาสติกที่เกิดขึ้นทั่วโลกและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อนึ่งไตรมาส 3/65 บริษัทฯ มีกำไรอยู่ที่ 47.53 ล้านบาท เติบโต 22.17% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 38.90 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนแรก มีกำไร 260.19 ล้านบาท เติบโต 7.46% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 242.12 ล้านบาท