SAF จ่อขายไอพีโอ 80 ล้านหุ้น คาดเทรด mai ธ.ค.นี้
“เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล” หรือ SAF เตรียมขายไอพีโอ 80 ล้านหุ้น จ่อเทรด mai ธ.ค.นี้ พร้อมขับเคลื่อน 5 กลยุทธ์หนุนธุรกิจแกร่ง วางเป้าปี 66-67 ยอดขายเติบโต 28% ต่อปี
ดร.พิศิษฐ์ อริยเดชวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ SAF เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมสร้างการเติบโตครั้งสำคัญ ผ่านการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) เพื่อเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ผ่านการส่งมอบผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและบริการที่มีคุณภาพสูง มุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพบุคลากรและกระบวนการดำเนินงานอย่างครบวงจร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (ESG)
สำหรับเป้าหมายในอีก 2 ปีข้างหน้า (ปี 66-67) บริษัทฯ ต้องการจะมียอดขายเติบโตเฉลี่ยประมาณ 23-28% ต่อปี ภายใต้ 5แผนกลยุทธ์ ดังนี้
1.เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษ ในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเป็นฐานลูกค้าสำคัญที่เชื่อมั่นในคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ รวมถึงเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจอาหารที่มีโอกาสเติบโตสูง
2.พัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยต่อยอดวัตถุดิบเหล็กกล้าเกรดพิเศษมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป และขยายความร่วมมือกับพันธมิตรผ่านการจัดตั้งเครือข่ายหรือคลัสเตอร์สำหรับผู้ผลิตแม่พิมพ์และชิ้นส่วนโลหะต่างๆ
3.เพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตแปรรูปเหล็กกล้าเกรดพิเศษ ร่วมกับการให้บริการอบชุบสุญญากาศครบวงจร เพื่อให้ได้คุณภาพผลิตภัณฑ์สูงสุด
4.ขยายพื้นที่จัดเก็บวัตถุดิบ โดยลงทุนคลังสินค้าแห่งใหม่ รองรับความต้องการของลูกค้าที่สูงขึ้นและขยายฐานลูกค้าใหม่
5.มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรม เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันแก่ภาคอุตสาหกรรมไทย 6.สร้างการรับรู้แบรนด์ โดยสร้างการรับรู้และสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันให้แก่ SAF ในระยะยาว
นายพิศาล อริยเดชวณิช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ SAF กล่าวว่า เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ บริษัทฯจึงมีแผนลงทุนโครงการคลังสินค้าและโรงงานแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มปริมาณการจัดเก็บวัตถุดิบจาก 2,000 ตัน เป็น 4,000 ตัน คาดจะเริ่มก่อสร้างโครงการภายในปี 66 และมีแผนเปิดใช้งานภายในไตรมาส 2/66 เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและรองรับโอกาสการเพิ่มยอดขายในอนาคต ซึ่งการบริหารจัดการสินค้าคงคลังมีความสำคัญมาก เนื่องด้วยต้องมีการเก็บวัตถุดิบเหล็กกล้าเกรดพิเศษหลากหลายชนิด รวมถึงต้องมีสินค้าในคงคลังในปริมาณมากพอ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังวางแผนลงทุนระบบเตาชุบแบบไนไตรดิ้ง เพื่อให้บริการชุบได้อย่างครบวงจร ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าที่ซื้อเหล็กกล้าเกรดพิเศษมีความต้องการใช้บริการชุบแบบไนไตรดิ้งเป็นอย่างมาก เพราะทำให้เหล็กมีคุณสมบัติที่ดีขึ้น ทั้งความแข็งที่ผิวเหล็ก ความต้านทานการสึกหรอและการกัดกร่อน เป็นต้น
ภญ.ลีนา อริยเดชวณิช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน SAF กล่าวว่า ปัจจุบันฐานลูกค้าหลักของบริษัทฯ มาจาก 3 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ประกอบด้วย ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อะไหล่ ล้อรถ อุปกรณ์เสริมยานยนต์ 2.กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ประกอบด้วย ผู้ผลิตวัสดุอุปกรณ์ที่ทำจากอลูมิเนียม ผู้ผลิตปูนซีเมนต์ และผู้ผลิตเหล็กโครงสร้าง 3.กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ผู้ผลิตน้ำตาลทราย ธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหาร และเครื่องใช้ในครัวเรือน อีกทั้งยังมีรายได้จากกลุ่มอื่นๆ อาทิ ลูกค้ารับจ้างทำงานตามแบบ ลูกค้าผู้รับเหมาย่อย และลูกค้าซื้อมาขายไป โดยลูกค้าส่วนใหญ่มีการติดต่อซื้อขายต่อเนื่องเป็นเวลานาน มีประวัติชำระค่าสินค้าตรงเวลา และมีสถานภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง
ในส่วนของผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปี 65 รายได้ส่วนใหญ่มาจากผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษสำหรับแม่พิมพ์งานอุตสาหกรรม สัดส่วน 72.66% ของรายได้รวม รายได้จากผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษสำหรับเครื่องจักรกล สัดส่วน 17.27% ของรายได้รวม บริการชุบแข็งด้วยระบบสุญญากาศ คิดเป็นสัดส่วน 4.30% ของรายได้รวม และส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากการขายอื่นๆ เช่น ใบเลื่อยสายพาน เครื่องเลื่อยสายพาน แม่พิมพ์ และชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ เป็นต้น โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 114.72 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 9.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8.04 ล้านบาท จากการปรับราคาขายผลิตภัณฑ์ให้สูงขึ้นตามราคาเหล็กกล้าในตลาดโลก ประกอบกับความสามารถในการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
นายคมกฤต มีคำสัตย์ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า แผนการระดมทุนเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ของ SAF ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะสร้างโอกาสเติบโตอย่างมั่งคงและยั่งยืน พร้อมยกระดับศักยภาพทางธุรกิจในทุกๆ ด้าน ทั้งฐานะทางการเงิน ความสามารถในการแข่งขัน และโอกาสการเติบโตในอนาคต ซึ่งเชื่อมั่นว่า SAF จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทเหล็กกล้าเกรดพิเศษชั้นนำระดับโลกจากประเทศเยอรมนี อาทิ DÖRRENBERG EDELSTAHL GmbH และ WILHELM OBERSTE-BEULMANN GmbH จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่แข่งขันได้ มีการต่อยอดรายได้บริการชุบเหล็กกล้าให้ครบวงจร โอกาสเติบโตไปพร้อมกับลูกค้าที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ ตลอดจนความเชี่ยวชาญมานานกว่า 30 ปี
ทั้งนี้ SAF เตรียมที่จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 80 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นไม่เกิน 26.67% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ โดยจะแจ้งราคาเสนอขาย ระยะเวลาการจองซื้อหุ้น และรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้ทราบเพิ่มเติมต่อไป