MORE ถูกแขวน SP ถึง 18 พ.ย.นี้ รอสอบธุรกรรม 4 พันล้าน

ตลท. ขึ้นเครื่องหมาย SP หุ้น MORE ตั้งแต่วันนี้-18 พ.ย.นี้ เพื่อรอตรวสอบธุรกรรมซื้อขายผิดปกติ 4 พันล้าน


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯขึ้นเครื่องหมาย SP หยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ในวันที่ 15-18 พฤศจิกายน 2565 เนื่องจากตลาดฯได้พบว่าเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 หลักทรัพย์ MORE ได้มีการซื้อขายที่ผิดปกติไปจากช่วงก่อนหน้า ต่อมาเมื่อมีการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ MOREของธุรกรรมที่ได้มีการซื้อขายในวันดังกล่าวเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565

ทั้งนี้แม้ว่าสำนักหักบัญชีจะได้รับการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์จากบริษัทสมาชิกทุกรายที่มีภาระผูกพันตามธุรกรรมที่เกิดขึ้นในวันดังกล่าวครบถ้วนแต่ในส่วนของบริษัทสมาชิกบางราย ได้พบการผิดนัดชำระหนี้ในจำนวนที่มีนัยสำคัญจากผู้ลงทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการซื้อหลักทที่ผิดปกติดังกล่าว

ด้วยเหตุผิดนัดดังกล่าวข้างต้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่ต้องสงสัย และได้รับคำแนะนำว่าการหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE เป็นการชั่วคราวจะเป็นประโยชน์ต่อการรวบรวมข้อเท็จจริงของธุรกรรมเกี่ยวกับหลักทรัพย MORE ที่มีการซื้อขายอย่างผิดปกติ

อีกทั้งการเปิดให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ในขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนของข้อเท็จจริงดังกล่าวซึ่งถือเป็นสาระสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ MORE จะทำให้ผู้ลงทุนที่ซื้อขายโดยไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ อาจเกิดความเสียหายจากการซื้อขายได้ ดังนั้นหลักทรัพย์ฯจึงเห็นควรหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ตั้งแต่วันที่ 15-18 พฤศจิกายน 2565

อนึ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากปัญหาการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นกับหุ้น MORE ซึ่งวานนี้ คือวันที่ 14 พ.ย. 2565 เป็นวันครบกำหนดเงื่อนไข T+2 หรือธุรกรรมที่ “นาย ปป.” ซึ่งเป็นชื่อย่อตามข่าว ต้องชำระเงินให้กับบริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์ต่างๆ โดยปรากฏว่า “นาย ปป.” ไม่ได้ดำเนินการจ่ายเงินให้กับโบรก และทำให้เกิดการ Default หรือการผิดนัดชำระค่าหุ้นต่อโบรกเกอร์มากกว่า 10 แห่ง

ทั้งนี้มีรายงานว่า โบรกเกอร์ฝั่งที่มีรายการซื้อสุทธิในหุ้น MORE ประกอบด้วย บล.กรุงศรี จำนวน 927 ล้านบาท, บล.เกียรตินาคินภัทร 765 ล้านบาท, บล.ทรีนีตี้ 475 ล้านบาท, บล.คิงส์ฟอร์ด 430 ล้านบาท, บล.เอ็กซ์สปริง 343 ล้านบาท, บล.ดาโอ (ประเทศไทย) 315 ล้านบาท, บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) 169 ล้านบาท, บล.เอเชีย เวลท์ 163 ล้านบาท, และบล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำนวน 86 ล้านบาท

ด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอยู่ระหว่างการตรวจสอบการทำธุรกรรมหุ้น MORE ในทุกขั้นตอน ซึ่งหากพบว่ามีการทำผิดกฎหมาย หรือมีลักษณะการทำธุรกรรมที่เข้าข่ายไม่เป็นธรรม จะมีขั้นตอนดำเนินการอยู่แล้วอย่างแน่นอน

ขณะที่นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ยืนยันว่าสถานะเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิของโบรกเกอร์ หรืออัตราส่วน NCR และเงินกองทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังอยู่ในระดับเพียงพออย่างไร้กังวล ทั้งนี้ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ชี้แจงว่า ในวันที่ 14 พ.ย. บริษัทได้ทำการชำระค่าหุ้นกับสำนักหักบัญชี (TCH) เป็นที่เรียบร้อยตามขั้นตอนปกติแล้ว

ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่กระทบต่อความมั่นคงทางการเงินของบริษัท พร้อมกับยืนยันว่าบริษัทมีฐานเงินทุนแข็งแกร่ง และมีตัวเลข NCR เพียงพอในการประกอบธุรกิจ ส่วนบล.พาย ออกแถลงการณ์ยืนยันเช่นกันว่า บริษัทกำหนดให้การซื้อขายหุ้น MORE เกิดขึ้นผ่านบัญชีประเภท Cash Balance เท่านั้น ดังนั้นจึงจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

Back to top button