TSTE แย้มงบไตรมาส 4 โตต่อ ลุยขยายโรงงาน-ตั้งเครื่องจักรใหม่
TSTE ปลื้มงบไตรมาส 3/65 กำไรโต 67.91% แตะ 49.08 ล้านบาท รับอานิสงส์บริษัทย่อย TMILL สร้างผลงานโดดเด่น พร้อมสยายปีกขยายธุรกิจต่อเนื่อง รองรับและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น
นายชนะชัย ชุติมาวรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยชูการ์ เทอร์มิเนิ้ล จำกัด (มหาชน) หรือ TSTE เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3/2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 689.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 246.54 ล้านบาท หรือ 55.66% จากงวดเดียวกันปีก่อนทำได้ 442.97 ล้านบาท และ 9 เดือนแรกทำได้ 1,890.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 394.14 ล้านบาท หรือ 26.35%จากงวดเดียวกันปีก่อนทำได้ 1,495.95 ล้านบาท
ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2565 ทำได้ 49.08ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.85 ล้านบาท หรือ 67.91% จากงวดเดียวกันปีก่อนทำได้ 29.23 ล้านบาท และ 9เดือนแรกทำได้ 140.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.10ล้านบาท หรือ 9.44% จากงวดเดียวกันปีก่อนทำได้ 128.19 ล้านบาท
ทั้งนี้ หลังได้รับปัจจัยบวกจากการเปลี่ยนแปลงของบริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จํากัด (มหาชน) หรือ TMILL ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 187.79 ล้านบาท ประกอบกับในไตรมาสดังกล่าว TSTE ได้ซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เนเจอร์เบสท์ฟู้ด จํากัด ทําให้บริษัทฯ รับรู้รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์สาหร่าย จํานวน 78.41 ล้านบาทและมีรายได้จากการรับจ้างบรรจุเพิ่มขึ้นจํานวน 24.35ล้านบาท
“ในไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัทฯ ได้ลงทุนในบริษัท ที เอส ฟู้ด โฮลดิ้ง จํากัด ซึ่งเป็นธุรกิจโฮลดิ้ง โดยถือหุ้นร้อยละ 100 และบริษัทย่อยแห่งนี้ได้ซื้อห้นสามัญของ บริษัท เนเจอร์ เบสท์ฟู้ด จํากัด ธุรกิจด้านอาหาร ทำให้บริษัทมีกําไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากบริษัทแห่งนี้ จำนวน 11.12 ล้านบาทและเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการในไตรมาส 3 ออกมาดีตามที่บริษัทฯ คาดไว้อีกด้วย” นายชนะชัย กล่าว
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/2565 บริษัทฯ คาดว่าทิศทางการดำเนินธุรกิจจะเติบโตจากไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รองรับและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังได้ลงทุนขยายโรงงานเพิ่มอีก 2 แห่ง ซึ่งเป็นการปรับปรุงโรงงานเก่าและคลังสินค้าที่มีอยู่เดิมมาเป็นโรงงานแห่งที่ 2 และโรงงานแห่งที่ 3 ลงทุนติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตใหม่
โดยคาดว่าโรงงานใหม่ทั้ง 2 แห่งจะสามารถเปิดดำเนินการได้ในไตรมาสที่ 1/2566 และไตรมาส 3/2566 ตามลำดับ ซึ่งจะทำให้ยอดขายในส่วนของสินค้าขนมขบเคี้ยว เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากเดิมที่มีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 300 ล้านบาทต่อปี เป็น 600 ล้านบาทต่อปี