KTMS เตรียมโรดโชว์ 21 พ.ย. ตอกย้ำศักยภาพธุรกิจ ลงสนาม mai ปลายปีนี้
KTMS โชว์ศักยภาพผู้นำการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมครบวงจร เตรียมโรดโชว์นักลงทุน 21 พ.ย.นี้ พร้อมเข้าเทรด mai ธ.ค. ระดมทุนเพิ่มศักยภาพด้านบริการการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
นางสาวกาญจนา พงศ์พัฒนะเดชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคที เมดิคอล เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ KTMS เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมแบบครบวงจร (One-stop Services) รายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมี 3 บริษัทย่อย เป็นตัวขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ ประกอบด้วย (1) บริษัท เออร์วิง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (IRV) ประกอบธุรกิจการให้บริการออกแบบ ติดตั้งระบบผลิตน้ำบริสุทธิ์ ระบบบำบัดสำหรับน้ำเสียสำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และการบำรุงรักษาระบบ, การผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาไตเทียม, การให้บริการออกแบบ และตกแต่งสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และการออกแบบ ประกอบ และจัดจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์สำหรับสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
(2) บริษัท เมดิคอล วิชั่น จำกัด (MV) ให้บริการออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์ท่อลมรับ-ส่ง สิ่งส่งตรวจทางการแพทย์ รวมทั้งบริการดูแลบำรุงรักษาระบบ และ (3) บริษัท เนโฟร วิชั่น จำกัด (NEP) ให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมทั้งในรูปแบบคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางไตเทียม และหน่วยไตเทียมในโรงพยาบาล โดยจะเป็นการร่วมมือกับอายุรแพทย์โรคไตในพื้นที่เป็นหลัก เพื่อทำให้อายุรแพทย์โรคไตรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของร่วม อีกทั้งจะได้รับสิทธิประโยชน์จากนโยบายสนับสนุน SME ของภาครัฐ จากการเพิ่มโอกาสให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ SME ในการประมูลงานโครงการกับภาครัฐ
สำหรับปัจจุบันบริษัทฯ มีหน่วยไตเทียมครอบคลุมทั่วประเทศ โดยผ่านการสนับสนุนจากโครงการสวัสดิการด้านสุขภาพภาครัฐ อาทิ โครงการสวัสดิการด้านสุขภาพภาครัฐต่างๆ เช่น การสนับสนุนงบบริการผู้ป่วยเรื้อรังจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่สนับสนุนให้ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ที่มีสิทธิทุกรายสามารถร่วมตัดสินใจเลือกวิธีการล้างไต เป็นแบบฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมร่วมกับแพทย์ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้มีจำนวนผู้ป่วยใช้บริการกับกลุ่มบริษัทฯมากยิ่งขึ้น
“จาก “Inspiration From Hope” ในการดูแลผู้ป่วยที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดความมุ่งมั่นในการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมแบบครบวงจร (One-stop Services) และก้าวสู่ผู้นำที่ให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมเพียงไม่กี่รายที่สามารถให้บริการได้อย่างครบวงจร พร้อมกันนี้กลุ่มบริษัทฯได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากลุ่มโรงพยาบาลรัฐ ซึ่งมีการต่อสัญญาการให้บริการมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 5 ปี รวมถึงบริษัทย่อยที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบผลิตน้ำบริสุทธิ์ และระบบบำบัดน้ำเสีย สำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม มามากกว่า 20 ปี จึงทำให้กลุ่มบริษัทฯสามารถให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างมีคุณภาพ เป็นไปตามมาตรฐานระดับประเทศและระดับสากล” นางสาวกาญจนา กล่าว
ดังนั้นการระดมทุนในครั้งเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพด้านการบริการของ KTMS ที่จะดูแลผู้ป่วยได้ทั่วถึงมากขึ้น โดยเม็ดเงินที่ได้ไปใช้ลงทุนในสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม รวมถึงโครงการลงทุนในโรงงานผลิตน้ำยาไตเทียม และศูนย์บริการวิศวกรรม และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจการลงทุนอื่นๆ และยังสะท้อนถึงศักยภาพความแข็งแกร่งด้านการบริการของกลุ่มบริษัทฯ ได้อย่างครบวงจรมีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล
ด้านนายศุภณัฐ พร้อมศิริพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน KTMS กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของ KTMS ในช่วงปี 2562-2564 และงวด 9 เดือนปี 2565 ทางกลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 182.64 ล้านบาท 212.54 ล้านบาท 310.30 ล้านบาท และ 277.32 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีรายได้หลักมาจากการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม จากการขยายจำนวนสาขาสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 กลุ่มบริษัทฯ มีสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เป็นจำนวน 14 สาขา เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีสาขาอยู่ 7 สาขา และมีเครื่องไตเทียม จำนวน 156 เครื่อง เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีอยู่ 74 เครื่อง ส่วนในปี 2564 กลุ่มบริษัทฯมีสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม จำนวน 18 สาขา เพิ่มขึ้นจากปี 2563 จำนวน 4 สาขา และมีเครื่องไตเทียม จำนวน 228 เครื่อง เพิ่มขึ้นจากปี 2563 จำนวน 72 เครื่อง
ขณะที่งวดเก้าเดือนปี 2565 กลุ่มบริษัทฯ มีสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม จำนวน 20 สาขา เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 2 สาขา และมีเครื่องไตเทียม 254 เครื่อง เพิ่มขึ้นจาก ปี 2564 จำนวน 26 เครื่อง ส่งผลให้กำไรสุทธิในปี 2562-2564 และงวด 9 เดือนปี 2565 อยู่ที่ 0.56 ล้านบาท, ขาดทุนสุทธิ 26.62 ล้านบาท 16.80 ล้านบาท และ 15.66 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนอัตรากำไรสุทธิ 0.29%, ลดลง 12.52%, 5.41% และ 5.65% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตามการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในครั้งนี้ จะส่งผลให้บริษัทฯ มีโอกาสนำเครื่องมือทางการเงินจากแหล่งทุนมาต่อยอดทางธุรกิจในอนาคตได้
ขณะเดียวกัน นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน KTMS กล่าวว่า ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) นับ 1 ไฟลิ่ง KTMS เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการนำเสนอข้อมูลนักลงทุน (โรดโชว์) ในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อให้กลุ่มนักลงทุนได้มีโอกาสทราบถึงข้อมูลและทิศทางธุรกิจของ KTMS ก่อนที่จะมีการเสนอขายหุ้น IPO ในลำดับถัดไป และคาดว่าหุ้น KTMS พร้อมจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในหมวดธุรกิจบริการ (SERVICE) ภายในสิ้นปี 2565 อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ด้วยศักยภาพความแข็งแกร่งของ KTMS ในการเป็นผู้นำด้านการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมแบบครบวงจรและระบบผลิตน้ำบริสุทธิ์ ที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล ภายใต้การให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) ในรูปแบบคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางไตเทียม (คลินิก หรือ Stand-Alone) และหน่วยไตเทียมในโรงพยาบาล (หน่วยไตเทียม หรือ Outsource) ทั้งในส่วนของโรงพยาบาลรัฐ และกลุ่มลูกค้าเอกชน โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีเครื่องไตเทียมรวม จำนวน 254 เครื่อง มีหน่วยไตเทียม จำนวน 20 สาขา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ทั้งภาคกลางและกรุงเทพมหานคร 2 สาขา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 สาขา ภาคเหนือ 4 สาขา ภาคตะวันออก 2 สาขา และภาคตะวันตก 2 สาขา
ดังนั้นจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในความเป็นมืออาชีพของ KTMS ประกอบกับผลการดำเนินงานที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเป็นผู้ประกอบการด้านการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เพียงไม่กี่รายที่ให้บริการได้อย่างครบวงจร จนก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมรายแรก ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปีนี้ ยิ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นว่า หากหุ้น KTMS เปิดให้มีการเสนอขายหลักทรัพย์จะได้การตอบรับที่ดีจากกลุ่มนักลงทุนอย่างแน่นอน
“KTMS มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 76.64 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25.55% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น เป็นทุนที่ชำระแล้ว 111.68 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 223.36 ล้านหุ้น” นายเอกจักร กล่าว