“ไทย-เวียดนาม” รวมพลังขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “Three Connects” เร่งฟื้นเศรษฐกิจ

“ประยุทธ์” ร่วมเป็นสักขีพยานในการแลกเปลี่ยนความตกลง 5 ฉบับ ระหว่างไทย-เวียดนาม ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “Three Connects” เร่งฟื้นเศรษฐกิจเติบโต


นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลัง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนความตกลง 5 ฉบับ พร้อมกล่าวถ้อยแถลงในการแถลงข่าวร่วมกับ นายเหวียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลไทย นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การเยือนของประธานาธิบดีเวียดนามและคณะผู้แทนอย่างเป็นทางการในครั้งนี้มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นการเยือนไทยครั้งแรกภายหลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเวียดนาม และเป็นการเยือนไทยของประมุขแห่งรัฐของเวียดนามครั้งแรกในรอบ 24 ปี ซึ่งไทยและเวียดนามจะต้องจับมือกันเพื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างเข้มแข็ง พร้อมยินดีที่ทั้งสองประเทศจะเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยเฉพาะในโอกาสที่ปีหน้าจะครบรอบ 10 ปีของการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์

สำหรับการเยือนครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไทย เวียดนาม และประเทศในภูมิภาคต่างกำลังเผชิญความท้าทายทางการเมืองและเศรษฐกิจจากความผันผวนในสถานการณ์ระหว่างประเทศ ทุกประเทศกำลังเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งทั้งสองประเทศจะต้องช่วยกันขับเคลื่อนการเร่งฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ และพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

โดยในวันนี้ (17 พ.ย.65) จะมีกิจกรรมทางธุรกิจไทย-เวียดนาม นักธุรกิจของทั้งสองประเทศจะมารวมตัวกันกว่า 300 คน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเปิดศักราชใหม่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกัน โดยเฉพาะในโอกาสที่จะครบรอบ 10 ปีของการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในปีหน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เรียนเชิญ นายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนามเยือนไทยอย่างเป็นทางการ และจะประสานงานเพื่อจัดการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (JCR) ครั้งที่ 4 ที่เวียดนาม

ทั้งนี้จากการหารือร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมเวียดนาม ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นสำคัญร่วมกัน โดยมีผลลัพธ์ที่สำคัญ ดังนี้

1.ด้านการเมืองและความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนเพื่อสันติภาพและความมั่นคงร่วมกัน โดยจะแลกเปลี่ยนการเยือนและการปรึกษาหารือในกรอบและกลไกด้านการเมือง ความมั่นคง และการทหาร ทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ เพื่อส่งเสริมความไว้เนื้อเชื่อใจเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างกัน

2.ด้านเศรษฐกิจ ไทยและเวียดนามเห็นพ้องกันที่จะผลักดันความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคมของทั้งสองประเทศและภูมิภาค ครอบคลุมทั้งการค้า การลงทุน ความเชื่อมโยงทางคมนาคม การเงินการธนาคาร และเศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งจะเร่งอำนวยความสะดวก ลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน

นอกจากนี้ ไทยและเวียดนามจะรวมพลังทางเศรษฐกิจเพื่อขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงไปข้างหน้ายิ่งขึ้น ตามแนวทาง “ทรีคอนเน็กซ์” (Three Connects) คือ

  1. การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานในสาขาที่เกื้อกูลกัน
  2. การเชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานรากและผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยเฉพาะภาคอีสานของไทยกับภาคกลางและภาคใต้ของเวียดนาม และ
  3. การเชื่อมโยงนโยบายเศรษฐกิจสีเขียว โดยเฉพาะ BCG กับนโยบายเศรษฐกิจสีเขียวของเวียดนาม

ขณะเดียวกัน ด้านการพัฒนาและประชาชน ทั้งสองฝ่ายมุ่งมั่นส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนเพื่อพัฒนาและแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน ยกระดับความกินดีอยู่ดีของประชาชน โดยเฉพาะผ่านโครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ที่ประชาชนและท้องถิ่นเวียดนามจะได้รับประโยชน์จากโครงการให้ความช่วยเหลือจากไทย รวมทั้งจะใช้ประโยชน์จากกรอบกลไกความร่วมมือในระดับประชาชนและท้องถิ่นระหว่างจังหวัดไทยและเวียดนาม และสมาคมมิตรภาพต่าง ๆ

ส่วนด้านความท้าทายในภูมิภาคและระหว่างประเทศ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าควรประสานท่าที และความร่วมมืออย่างใกล้ชิดเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาค โดยเฉพาะในกรอบ ACMECS และอาเซียน เพื่อให้ภูมิภาคนี้มีสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรือง พร้อมให้ความสำคัญกับความเป็นเอกภาพและความเข้มแข็งของอาเซียน รวมทั้งไทยและเวียดนามมีเป้าหมายเดียวกันในเรื่องเมียนมา คือต้องการให้คลี่คลายสถานการณ์และความเป็นปกติสุขกลับคืนสู่เมียนมาโดยเร็ว โดยเชื่อว่าการดำเนินการของอาเซียนตามแนวทาง ASEAN Way บนพื้นฐานของความร่วมมือ การปรึกษาหารือกัน และฉันทามติร่วมกัน (Cooperation, Consultation, Consensus) จะคลี่คลายปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์

โดยนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีเวียดนามได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลง 5 ฉบับ ได้แก่ 

  1. แผนปฏิบัติการว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็งไทย – เวียดนาม ในระยะ 5 ปีข้างหน้า (2565-2570)
  2. ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือช่วยเหลือซึ่งกันและกันในคดีแพ่ง
  3. บันทึกความเข้าใจเพื่อสถาปนาความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้องระหว่างราชอาณาจักรไทยกับนครดานัง
  4. บันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งเวียดนาม
  5. สัญญาสนับสนุนการค้าและการลงทุน ระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) กับธนาคารพาณิชย์เพื่อการค้าระหว่างประเทศแห่งเวียดนาม

Back to top button