บอร์ด PTG เคาะปันผล 0.20 บ. XD 28 พ.ย.นี้ คงเป้า EBITDA ปีนี้เติบโต 15-20%
บอร์ด PTG เคาะปันผล 0.20 บาท XD 28 พ.ย.นี้ จ่าย 14 ธ.ค.65 พร้อมคงเป้า EBITDA ปีนี้เติบโต 15-20% เดินหน้าสร้างระบบนิเวศเชื่อมบริการแบบครบวงจร หวังตอบสนองความต้องการของลูกค้ากว่า 18 ล้านสมาชิก “อยู่ดีมีสุข” รองรับสังคมไร้เงินสด
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 3 ปี 2565 จำนวน 181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 179.6% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 65 ล้านบาท
โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ จำนวน 45,171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.7% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 30,585 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากธุรกิจน้ำมัน ที่มีสัดส่วนประมาณ 94.3% ของรายได้รวมทั้งหมดเติบโตขึ้น 45.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีมาอยู่ที่ 42,615 ล้านบาท จากราคาน้ำมันขายปลีก หน้าสถานีบริการเฉลี่ยอยู่ที่ 33.32 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 26.0% และปริมาณการขายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเพิ่มขึ้น มาอยู่ที่ 1,278 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้น 15.5% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า
ขณะที่รายได้จากธุรกิจ Non-Oil ที่ประกอบด้วย ธุรกิจก๊าซ LPG ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (ATL) และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด (PUN) และธุรกิจอื่น ๆ ได้แก่ ร้านสะดวกซื้อ Max Mart ธุรกิจน้ำมันเครื่อง และธุรกิจศูนย์ซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง สร้างยอดขายในไตรมาสนี้ 2,556 ล้านบาท เติบโต 95.5% จากงวดเดียวกันปีก่อนหน้า โดยปัจจุบันมีสาขาของธุรกิจ Non-Oil รวมทั้งสิ้น 1,405 สาขา เพิ่มขึ้น 327 สาขา หรือเติบโต 30.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้น สำหรับผลดำเนินงาน ตั้งแต่ ม.ค – ก.ย 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท คิดเป็น 35.7% ของกำไรสุทธิต่อหุ้นของงบการเงินรวม ซึ่งอยู่ที่ 0.56 บาท จะกำหนดรายชื่อผู้ได้สิทธิรับปันผลวันที่ 29 พ.ย. 2565 และขึ้น XD วันที่ 28 พ.ย. 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 14 ธ.ค 2565
นายพิทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงทิศทางที่เหลือของปีว่า บริษัทฯ ยังคงยืนเป้าหมายการทำธุรกิจในปีนี้เหมือนเดิมเช่น EBITDA เติบโต 15-20% ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันจะเติบโต 6-10% ปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG จะเติบโต 50 – 60% ยอดขาย Non-Oil จะเติบโต 80 – 90% และใช้งบลงทุน 3,000-4,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะเดินหน้าในการเสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแรง โดยการร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้ค้ารายต่าง ๆ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าของบริษัทฯ ได้อย่างครอบคลุม และสามารถใช้ ชีวิตภายใต้ระบบนิเวศของบริษัทฯ ได้อย่าง “อยู่ดี มีสุข” เช่นการเปิดตัวแอปพลิเคชัน Max Me ที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ลูกค้าสมาชิกบัตร PT Max Card ที่มีอยู่ในปัจจุบันกว่า 18 ล้านสมาชิก สามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือในยุคดิจิตอลไลฟ์สไตล์ สอดคล้องกับยุคสังคมไร้เงินสด (Cashless Society)