ITC ตั้ง 11 โบรก ขายไอพีโอ 660 ล้านหุ้น 22-25 พ.ย. ช่วงราคา 30-32 บ.
ITC ตั้ง 11 โบรกเกอร์ ขายไอพีโอ 660 ล้านหุ้น 22-25 พ.ย.นี้ ช่วงราคาเสนอขายที่ 30-32 บาท/หุ้น เล็งนำเงินทุนปรับปรุงโรงงานให้ทันสมัย พร้อมลงทุนในระบบคลังสินค้าและติดฉลากอัตโนมัติ ต่อยอดศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์
นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC และนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ร่วมลงนามในสัญญาแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย หรือ Lead Underwriters พร้อมแต่งตั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 10 ราย ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด, และบริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน)
โดยบริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนรวมไม่เกิน 660,000,000 หุ้น โดยกำหนดช่วงราคาเสนอขาย 30-32 บาทต่อหุ้น และเตรียมเปิดให้ผู้ถือหุ้นของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 22-24 พฤศจิกายน 2565 และสำหรับนักลงทุนรายย่อยสามารถจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 22-25 พฤศจิกายน 2565 โดยผู้จองซื้อต้องชำระราคาค่าจองซื้อที่ 32 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขาย โดยมีกำหนดประกาศราคาสุดท้ายในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหมวดอาหารและเครื่องดื่มภายในเดือนธันวาคมนี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า ITC
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ เปิดเผยว่า ช่วงราคาเสนอขายหุ้นสามัญของ ITC ที่ 30-32 บาทต่อหุ้น ถือเป็นช่วงราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดย ITC ถือเป็นหนึ่งในผู้นำผู้ประกอบธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลกที่มุ่งเน้นนวัตกรรม การวิจัยและพัฒนารวมถึงการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ร่วมกับลูกค้า หรือ Co-Creation ส่งผลให้ได้รับการยอมรับและไว้วางใจจากลูกค้าที่เป็นแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลก เช่น Mars Petcare, Smucker’s และมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจมาอย่างยาวนาน
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในการจัดหาวัตถุดิบ โดยเฉพาะปลาทูน่า จากการเป็นบริษัทในกลุ่มไทยยูเนี่ยน รวมถึงประเทศไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกเนื้อไก่แปรรูปรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก ทำให้ ITC สามารถจัดหาวัตถุดิบในราคาที่แข่งขันได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่บริษัทฯ สามารถบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทฯ มีความสามารถในการทำกำไรอยู่ในระดับที่โดดเด่น
โดยในปี 2564 และงวด 9 เดือน ปี 2565 บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นเสมือน 23.1% และ 25.9% ตามลำดับ และมีอัตรากำไรสุทธิเสมือน 18.6% และ 23.2% ตามลำดับ จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากกระแสความนิยมในการเลี้ยงสัตว์เหมือนสมาชิกในครอบครัว การเพิ่มขึ้นของจำนวนครัวเดี่ยวรวมถึงคู่สามีภรรยาที่ไม่มีบุตรซึ่งมีแนวโน้มในการเลี้ยงสัตว์มากขึ้น ส่งผลให้หุ้นของไอ-เทล ได้รับความสนใจและตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั่วโลก โดยมีนักลงทุนสถาบันคุณภาพที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศและต่างประเทศจำนวนรวม 27 ราย แบ่งเป็นผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors ในประเทศไทย จำนวน 19 ราย และผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors ในต่างประเทศ จำนวน 8 ราย คิดเป็นจำนวนหุ้นรวม 333.77 ล้านหุ้น หรือประมาณร้อยละ 50.57 ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในครั้งนี้
นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ เปิดเผยถึงแผนการระดมทุนในครั้งนี้ ว่า จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตให้กับบริษัทฯ โดยเตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนทั้งสิ้น 19,800-21,120 ล้านบาท ไปใช้เป็นเงินทุนในการปรับปรุงโรงงานทั้งสองแห่งให้ทันสมัยด้วยระบบและเครื่องจักรอัตโนมัติเพื่อขยายกำลังและประสิทธิภาพการผลิต ขยายระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการผลิต พร้อมลงทุนในระบบคลังสินค้าและติดฉลากอัตโนมัติ รวมถึงต่อยอดศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขยายธุรกิจ ชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนให้กับบริษัทฯ
สำหรับกลยุทธ์การเติบโตในอนาคตของ ITC จะมุ่งขยายส่วนแบ่งทางการตลาดและฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ขยายทีมขายและทีมสนับสนุนทางธุรกิจในประเทศที่เป็นตลาดหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีน ควบคู่กับการขยายธุรกิจไปยังตลาดที่มีโอกาสในการเติบโต โดยเฉพาะประเทศจีนที่ผู้คนหันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้น พร้อมขับเคลื่อนยอดขายผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่เน้นสุขภาพและโภชนาการ ตลอดจนกระบวนการดำเนินงาน รวมถึงการวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับสารอาหาร วัตถุดิบ เทคโนโลยี และบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน
“นอกจากนั้น เรายังตั้งเป้ามุ่งสู่ความเป็นเลิศในการดำเนินงาน โดยใช้เครื่องจักรอัตโนมัติในระบบต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลดต้นทุนการผลิต และลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน มุ่งใช้พลังงานทดแทน โดยติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพิ่มเติมในโรงงาน ด้วยเป้าหมายที่จะใช้แหล่งพลังงานร้อยละ 30 ของพลังงานที่จำเป็นสำหรับโรงงานผลิตมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ภายในปี 2567”นายพิชิตชัย กล่าว
อย่างไรก็ดีสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ได้ทาง www.i-Tail.com หรือศึกษาข้อมูลจากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนของ ITC ได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. www.sec.or.th