สอยหุ้น “โรงแรม-สายการบิน-ค้าปลีก” รับเม็ดเงิน “เที่ยวไทย” สะพัด 6.3 แสนล้าน

4 โบรกแนะสอยหุ้นเด่น “โรงแรม-สายการบิน-ค้าปลีก” รับประโยชน์จากตลาดไทยเที่ยวไทยจะกลับมาคึกคัก คาดทั้งปี 65 คนไทยเที่ยวในประเทศจำนวน 150.8 ล้านต่อคนครั้ง ดันรายได้ท่องเที่ยวอยู่ประมาณ 6.3 แสนล้านบาท


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวในประเทศไทยกลับมาคึกคักและเข้าช่วงไฮซีซั่นโค้งสุดท้ายปี 2565 คาดคนไทยเที่ยวในประเทศน่าจะมีจำนวน 150.80 ล้านต่อคนครั้ง ขณะที่รายได้ท่องเที่ยวน่าจะอยู่ที่ประมาณ 6.3 แสนล้านบาทตามทางนักวิเคราะห์ประเมินไว้

สะท้อนจากนักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ตลาดไทยเที่ยวไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่สถานการณ์โควิดในประเทศดีขึ้น และกิจกรรมเศรษฐกิจกลับมาขับเคลื่อนได้ปกติ ประกอบกับทางการได้ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ทำให้คนไทยกลับมาเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น จากการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น คาดว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2565 คนไทยเดินทางท่องเที่ยวเติบโต 278.20% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือมีจำนวน 118.90 ล้านต่อคนครั้ง และประเมินว่าในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของคนไทย น่าจะมีความคึกคักมากขึ้น

สำหรับจากการสำรวจการวางแผนท่องเที่ยวของคนกรุงเทพฯ ในช่วงที่เหลือของปี 2565 และในระยะข้างหน้า ซึ่งจากผลสำรวจระหว่างวันที่ 24 ต.ค.-10 พ.ย.65 พบว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2565 กลุ่มตัวอย่างคนกรุงเทพฯ 3 ใน 4 วางแผนเดินทางท่องเที่ยว และเกือบทั้งหมดยังเลือกเที่ยวในประเทศคิดเป็นสัดส่วน 91.80% โดยแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติภูเขา และยอดดอยยังครองอันดับ 1 ของแผนการท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวต่างประเทศเริ่มทำการตลาดกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างเข้มข้น

นอกจากนี้ มองว่าในช่วงฤดูกาลเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย 2 เดือนสุดท้ายของปี 2565 น่าจะคึกคักมากขึ้น บวกกับปัจจัยหนุนจากวันหยุดราชการกรณีพิเศษระหว่างวันที่ 16-18 พ.ย. 65 ในพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรีและสมุทรปราการ เนื่องจากมีการจัดการประชุมผู้นำเอเปค ซึ่งน่าจะทำให้มีการเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดมากขึ้น จึงคาดว่าการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทยน่าจะมีจำนวน 31.9 ล้านคนต่อครั้ง เพิ่มขึ้น 6.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทยทั้งปี 65 นี้ น่าจะมีมูลค่าประมาณ 6.3 แสนล้านบาท เติบโตประมาณ 149.1% จากปี 2564

อีกทั้งทิศทางตลาดท่องเที่ยวในประเทศในระยะข้างหน้า จากผลสำรวจสะท้อนว่ากลุ่มตัวอย่างมีแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวในปีหน้ามากขึ้น อย่างไรก็ดีแนวโน้มการฟื้นตัวของตลาดไทยเที่ยวในประเทศยังขึ้นอยู่กับหลายเงื่อนไข ซึ่งตลาดยังมีประเด็นที่ต้องติดตามเพราะจะมีผลต่อการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวและพฤติกรรมการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว ถึงแม้กำลังซื้อของด้านรายได้ยังมีความไม่แน่นอนสูงท่ามกลางภาระค่าครองชีพและหนี้ที่สูง ทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มที่ไปท่องเที่ยวกลับมาอาจยังจำเป็นต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ซึ่งอาจส่งผลต่อการบริโภครายการอื่นๆ ตามมาได้

ทั้งบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าได้รับอานิสงส์จากการกระตุ้นคนไทยให้เที่ยวในประเทศและการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ดังนั้นกลุ่มท่องเที่ยวที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ คือ กลุ่มสายการบิน กลุ่มโรงแรม กลุ่มค้าปลีก เป็นต้น

กลุ่มสายการบิน ได้แก่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA, บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT

กลุ่มโรงแรม ได้แก่ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW, บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR, บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ VRANDA

กลุ่มค้าปลีกว่าจะมีการจับจ่ายใช้สอยมากยิ่งขึ้น ได้แก่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO, บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC, บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO

สอดคล้องกับนักวิเคราะห์อย่าง บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า มีมุมมองเป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวจากการพิจารณาเพิ่มสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 อีก 2 ล้านสิทธิ โดยยังคงให้ราคาเพดานห้องพักต่อห้องที่ 7,500 บาท (ส่วนลด 40% ไม่เกิน 3,000 บาท) เหมือนเดิม คาดจะเริ่มใช้สิทธิได้ในช่วงไตรมาส 4/2565 ถึงไตรมาส 1/2566 จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงแรมภายในประเทศ เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของไทยทั้งนี้ หุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากมากไปยังน้อยเรียงตามสัดส่วนรายได้ในประเทศไทย คือ ERW, SHR, CENTEL, MINT

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า หุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากกลุ่มท่องเที่ยว คือ BJC, CRC, HMPRO,MAKRO และ CPALL

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุว่า หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากวันหยุดราชการกรณีพิเศษระหว่างวันที่ 16-18 พ.ย. 65 ในพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรีและสมุทรปราการ เนื่องจากมีการจัดการประชุมผู้นำเอเปค มีผลบวกต่อหุ้น CPALL, CENTEL, MINT, ERW คาดว่าจะได้ sentiment เชิงบวกจากทั้งโครงการเราเที่ยวด้วยกันและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้ดีมากที่สุด ขณะที่ยังคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มท่องเที่ยวเป็นมากกว่าตลาด

พร้อมกับแนะนำกลยุทธ์ซื้อเก็งกำไรในหุ้นได้ประโยชน์จากนโยบายลดหย่อนท่องเที่ยวทั้งเมืองหลัก และเมืองรองเพิ่มเติมจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ที่คาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุมครม.พิจารณาในสัปดาห์หน้า มีผลบวกต่อหุ้น ERW, CENTEL, BA, AAV, AOT, ASAP และ SPA

นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4/2565 จะเห็นภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นจากแรงขับของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศ โดยประเมินว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งปี 2565 อาจปรับตัวขึ้นมากกว่าระดับ 10 ล้านคน คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่ม Re-Opening Play ปรับตัวขึ้นได้ต่อมีมุมมองบวกต่อหุ้น ได้แก่ MAJOR, PLANB, VRANDA, CPALL, MAKRO, BJC, MINT และ SHR

Back to top button