LEO ลั่นรายได้-กำไรปี 65 ออลไทม์ไฮ ลุยเจรจาปิดดีล JV-M&A เพิ่ม

LEO ลั่นรายได้-กำไรปี 65 ออลไทม์ไฮต่อเนื่อง รับรายได้ขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น พร้อมกางแผนปี 66 ลุยเจรจาปิดดีล JV-M&A ทั้งในและต่างประเทศ เสริมแกร่งธุรกิจ


นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานสำหรับปี 2565 ว่า บริษัทมั่นใจผลประกอบการ มีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 นับตั้งแต่บริษัทเข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณการขนส่งทั้งทางเรือ อากาศ และรายได้จากการขนส่งสินค้าทางรถไฟเพิ่มขึ้น

ประกอบกับบริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจ Self Storage เพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย มีลูกค้ากลุ่ม SME บริษัทออร์แกไนซอร์ กลุ่มลูกค้าที่ซ่อมบ้าน รวมถึงลูกค้าทั่วไปที่นำของใช้ส่วนตัว และของสะสม กลับมาใช้บริการมากขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ ได้เปิด LEO Self Storage สาขาที่ 2 # Chinatown  แฟล็กชิพสโตร์แห่งแรกของประเทศไทย ที่เป็นแหล่งการค้าและที่อยู่อาศัยที่สำคัญ ใจกลางถนนเจริญกรุง บนพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และมีการรับรู้รายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ  และมีแผนจะเปิดดำเนินการ Self Storage แห่งที่ 4 และลานเก็บตู้ Container แห่งที่ 2 ในปี 2566

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาการให้บริการขนส่งสินค้าทางราง จากสาธารณรัฐประชาชนจีน (คุนหมิง) – สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (เวียงจันทน์) – ประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท เบาไทย อินเด็กซ์ แอสโซซิเอท จำกัด และ บริษัท  ศรีตรังโลจิสติกส์ จำกัด และทำให้ความร่วมมือในการพัฒนาการขนส่งสินค้าทางรถไฟร่วมกับทาง China Post และ Tengjun  สามารถบริการได้ครอบคลุมการขนส่งทางรถไฟไปยังประเทศจีนได้มากขึ้น และนอกจากนี้บริษัทยังได้มีการจัดตั้งบริษัท Leo Sourcing & Supply Chain เพื่อทำหน้าที่เป็น ‘One-Stop Service Provider’ ให้กับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซให้สามารถนำเข้าและส่งออกสินค้าจากประเทศจีน พร้อมกับกระจายสินค้าไปยังปลายทางทั่วโลก

โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าในปี 2566 บริษัทฯจะสามารถสร้างรายได้จากการขนส่งสินค้าทางรถไฟไปยังประเทศจีนได้อย่างน้อย 200 ล้านบาท และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต  และบริษัทฯจะมีรายได้จากธุรกิจ Sourcing & Supply Chain ที่ทางบริษัทฯได้มีการเซ็นสัญญาในการเป็นผู้จัดหาสินค้าจากประเทศไทยเพื่อไปขาย ให้กับ e-Commerce Platform ของ China Post และ Tengjun ในประเทศจีน รวมถึงการนำสินค้าจากประเทศจีนเข้ามาขายในประเทศไทย โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ในส่วนนี้ไม่น้อยกว่า  50  ล้านบาทในปี 2566 และจะสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นระดับ 100 – 120 ล้านต่อปีตั้งแต่ปี 2567

แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หลังจากบริษัทฯเดินตามแผนและยุทธศาสตร์ที่วางไว้ก่อนหน้า ถึงแม้สถานการณ์อัตราค่าระวางเรือทั่วโลกมีการลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยความสามารถบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ที่มีการบริการและกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย มีสายเดินเรือและสายการบินที่เป็นพันธมิตรเป็นจำนวนมาก และมี Overseas Network ที่อยู่ทั่วโลก ทำให้บริษัทฯสามารถรักษาระดับอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ทางบริษัทได้รับจากค่าบริหารจัดการและการให้บริการที่ครบวงจรได้อยู่ในระดับที่ดี สะท้อนจากผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก ที่มีรายได้รวม 4,009.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 297.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144% จากงวดเดียวกันปีก่อน และเป็นผลกำไรที่มากกว่าผลกำไรทั้งปีของปี 2564 ไปแล้ว” 

สำหรับแนวโน้มในปี 2566 บริษัทฯ มั่นใจว่าจะเป็นปีที่บริษัทฯจะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ JV และ M&A ใหม่ๆที่เกิดขึ้นในปีนี้และปีหน้าอีกหลายโครงการ  และมีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจ Non-Freight  และ Non-Logistics ที่มีอัตรากำรขั้นต้นสูงถึง 30-50% เช่นการเข้าร่วมลงทุนกับ ADVANTIS FREIGHT (PVT) LIMITED ซึ่งเป็นบริษัทระดับ Regional Player ในภูมิภาค Asia เพื่อจัดตั้งบริษัทใหม่ในการดำเนินธุรกิจ Logistics & Distribution Center

รวมทั้งร่วมลงทุนกับ บริษัท เอสเค แอสเซ็ท แมเนจเม้นท์ จำกัด (SK Asset Management Company Limited.)  บริษัทในเครือ เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA จัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่เพื่อดำเนินโครงการ Self-Storage แห่งที่ 3 เพื่อให้บริการพื้นที่ห้องเก็บของให้เช่า และพัฒนาธุรกิจคลังสินค้าและให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร (Self-Storage, Warehouse & Integrated Logistics Services Project) ต่อยอดในการขยายธุรกิจ Self-Storage และ Warehouse ของบริษัทฯ  อีกทั้งยังจะจัดตั้งบริษัทใหม่ร่วมกับ บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT ในการดำเนินธุรกิจศูนย์ให้บริการโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics Center) และให้บริการธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจร

ล่าสุด บริษัทฯได้ผนึกกำลังวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัย เกษตรปลอดภัย จ.อุทัยธานี และ บริษัท แคนบิซ จำกัด จ.ตาก มาร่วมศึกษาและพัฒนาธุรกิจพืชเศรษฐกิจกัญชา จำหน่ายเชิงพาณิชย์อย่างครบวงจร ให้กับอุตสาหกรรมทางการแพทย์-เครื่องสำอาง-อาหารเพื่อสุขภาพ โดย LEO ได้มีการนำเข้าเมล็ดกัญชาและเมล็ดกัญชงสายพันธุ์นอกให้กับผู้ประกอบการตามกฎหมาย ส่งมอบให้กับวิสาหกิจสุขฤทัยเกษตรปลอดภัยฯ เพื่อเพาะพันธุ์ต้นกล้าและขยายพันธุ์ต้นแม่กัญชาอย่างมีคุณภาพ บนพื้นที่เพาะปลูกของ บริษัท แคนบิซ จำกัด เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณลักษณะตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อในตลาด ซึ่งเป็นแหล่งพื้นที่เพาะปลูกที่มีศักยภาพ เพิ่มเติมจากการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจกัญชง อีกทั้งสามารถพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้พืชเศรษฐกิจทั้งกัญชงและกัญชา อันก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งด้านวิชาการและปฏิบัติการประกอบอาชีพของเกษตรกร รวมถึงการศึกษาและหาทางพัฒนาให้ธุรกิจกัญชาและกัญชงเป็นหนึ่งในธุรกิจ NON-LOGISTICS ของทาง LEO และจะช่วยต่อยอดและผลักดันผลงานในปี 2566 โตก้าวกระโดด

สำหรับความคืบหน้าโครงการ JV ซึ่งอยู่ในระหว่างการเจรจากับบริษัททั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์อีก 2-3 โครงการ รวมถึง M&A กับบริษัทในธุรกิจโลจิสติกส์ ในประเทศกัมพูชา แคนาดา เบลเยียม สิงคโปร์ และ จีน ซึ่งคิดว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ภายในไตรมาส 1 หรือ 2/2566 ซึ่งบริษัทฯเหล่านี้จะมีรายได้รวมประมาณ 300-400 ล้านบาท และบริษัทฯคาดว่าจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการต่างๆเหล่านี้ได้ภายในไตรมาส 3/2566 เป็นอย่างช้า

Back to top button