WTI ดิ่ง 2% หลัง G7 จ่อตั้งเพดานราคาน้ำมัน “รัสเซีย” ห้ามเกิน 70 เหรียญ
น้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 2% หลุดระดับ 79 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์หลุด 86 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง G7 เตรียมกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียในกรอบ 65-70 ดอลลาร์/บาร์เรล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 19:53 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลบ 2.18 ดอลลาร์ หรือ 2.69% สู่ระดับ 78.77 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลบ 2.61 ดอลลาร์ หรือ 2.95% สู่ระดับ 85.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
โดยแหล่งข่าวจากสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยว่า กลุ่มประเทศ G7 เตรียมกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียในกรอบ 65-70 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตจาก 27 ประเทศของ EU กำลังหารือข้อเสนอดังกล่าวของ G7 ในขณะนี้เพื่อให้มีการบรรลุฉันทามติภายในวันนี้
โดย G7 รวมทั้ง EU และออสเตรเลียมีกำหนดบังคับใช้เพดานราคาน้ำมันรัสเซียดังกล่าวในวันที่ 5 ธ.ค.65 โดยจะมีผลบังคับใช้ต่อน้ำมันรัสเซียที่มีการขนส่งผ่านทางเรือบรรทุกน้ำมัน แต่ไม่รวมน้ำมันที่มีการขนส่งผ่านท่อส่งน้ำมัน
การกำหนดเพดานราคาน้ำมันดังกล่าวถือเป็นมาตรการลงโทษต่อการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ.65 ซึ่งเมื่อมีการประกาศใช้จะทำให้บริษัทเดินเรือ, บริษัทประกันวินาศภัย และบริษัทประกันภัยต่อ ไม่สามารถให้บริการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งคาร์โกน้ำมันรัสเซียที่มีราคาสูงกว่าเพดานที่ G7 และพันธมิตรกำหนดไว้
หลายฝ่ายมองว่าการกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียในกรอบ 65-70 ดอลลาร์/บาร์เรลถือเป็นระดับที่เหมาะสม เนื่องจากรัสเซียยังคงมีกำไรจากการขายน้ำมันที่ระดับดังกล่าว ขณะที่มีต้นทุนการผลิตราว 20 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำมันในตลาด ขณะเดียวกันทำให้รัสเซียมีรายได้ลดลงจากการจำหน่ายน้ำมันที่จะนำไปสนับสนุนการทำสงครามในยูเครน
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว