BANPU ลุ้นกำไร Q4 โตแกร่ง รับธุรกิจ “ถ่านหิน-ก๊าซ” หนุน โบรกเคาะเป้า 17 บ.

โบรกเชียร์ "ซื้อ" BANPU ราคาเป้าหมาย 17 บาท คาดไตรมาส 4/65 กำไรแกร่ง พร้อมคาดผลงานปี 65 ยังแข็งแกร่งคาดราคาถ่านหิน-ก๊าซธรรมชาติปรับตัวเพิ่มขึ้น และคาดการณ์เงินปันผลปี 65 อยู่ที่ 1.83 บาท คิดเป็น dividend yield ที่ 14%


บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จากัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ (25 พ.ย.65) ที่ผ่านมาว่า บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU มีแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/65 ยังคงแข็งแกร่ง จากธุรกิจเหมืองคาดปริมาณการผลิตในทุกเหมืองจะปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า และมีการปรับราคาขายถ่านหินในประเทศออสเตรเลียตามรอบสัญญาราว 3 ล้านตันจากทั้งหมด 6 ล้านตัน

สำหรับราคาที่ปรับนั้นคาดจะสูงจากสัญญาเดิมเกือบเท่าตัว โดยจากราคาตามสัญญาเดิม 80 เหรียญออสเตรเลียต่อตัน รวมถึงต้นทุนเหมืองในอินโดนีเซียจะปรับลดลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง ในส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ คาดว่ายังคงมีผลการดำเนินงานที่สดใส เนื่องจากคาดว่ายุโรป ยังคงต้องนำเข้าก๊าซเพื่อชดเชยปริมาณก๊าซในคลังที่ลดลง ส่งผลให้ราคาก๊าซ (Henry hub) ยังอยู่ในระดับสูง

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าในไตรมาส 4/65 จะรับรู้ขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงลดลงจากสถานะการป้องกันความเสี่ยงที่เหลือค่อนข้างน้อย และโรงไฟฟ้า Combined Heat and Power (CHP) ในประเทศจีน และคาดว่าผลการดำเนินงานดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากในไตรมาส 3/65 ได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อนที่มากกว่าปกติ จึงส่งผลให้ความต้องการใช้ถ่านหินที่มากกว่าปกติและราคาถ่านหินสูงขึ้น ส่วนในไตรมาส 4/65 คาดราคาถ่านหินในจีนจะอ่อนตัวลงจากอุปทานที่มากขึ้น

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 66 ทางฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องเมื่อเทียบกับในอดีต เนื่องจากคาดว่าราคาถ่านหิน และราคาก๊าซธรรมชาติจะอยู่ที่ราว 300 เหรียญสหรัฐต่อตัน และ 5.5 เหรียญสหรัฐต่อพันลูกบาศก์ฟุต (Mcf) ขณะเดียวกัน ราคาพลังงานอื่นยังคงทรงตัวในระดับสูงจากแนวโน้มการเปิดประเทศของจีนที่คาดว่าจะอยู่ในช่วงไตรมาส 2/66 และตลาดน้ำมันที่ยังคงตึงตัว จาการยกเลิกการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียของยุโรป

ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานดังกล่าว ทางฝ่ายนักวิเคราะห์คาดว่าธุรกิจถ่านหินจะมี EBITDA อยู่ที่ 2,698 ล้านเหรียญสหรัฐ และธุรกิจก๊าซธรรมชาติคาดว่าจะมี EBITDA อยู่ที่ราว 931 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้ผลการดำเนินงานของทั้งสองธุรกิจจะอ่อนตัวลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานในอดีตยังถือว่าค่อนข้างสูง เนื่องจากราคาถ่านหินเฉลี่ย 10 ปี ย้อนหลังอยู่ที่เพียง 107 เหรียญสหรัฐต่อตัน และราคาก๊าซธรรมชาติอยู่ที่เพียง 3.3 เหรียญสหรัฐต่อพันลูกบาศก์ฟุต

ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้าคาดว่า CHP ในประเทศจีนจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ตามราคาถ่านหินในประเทศจีนที่คาดว่าจะอ่อนตัวลงจากนโยบายของรัฐบาล

ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 17 บาท คิดเป็น PER ปี 66 อยู่ที่เพียง 4 เท่า ซึ่งปัจจุบันซื้อ-ขายอยู่ที่เพียง 2.44 เท่า ทางฝ่ายประเมินราคาพื้นฐานด้วยวิธี SOTP แบ่งเป็นธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 42% ธุรกิจถ่านหิน 29% และธุรกิจโรงไฟฟ้า 29% และคาดการณ์เงินปันผลปี 65 อยู่ที่ 1.83 บาท คิดเป็น dividend yield ที่ 14% และในปี 66 อยู่ที่ 1.21 บาท คิดเป็น dividend yield ที่ 9% ตามลำดับ

Back to top button