สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 30 พ.ย. 2565
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 30 พ.ย. 2565
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 700 จุดในวันพุธ (30 พ.ย.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,589.77 จุด พุ่งขึ้น 737.24 จุด หรือ +2.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,080.11 จุด เพิ่มขึ้น 122.48 จุด หรือ +3.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,468.00 จุด พุ่งขึ้น 484.22 จุด หรือ +4.41%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (30 พ.ย.) และปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันจากความหวังเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ในจีน และหลังจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ชะลอตัวของยูโรโซนได้สนับสนุนโอกาสที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 440.04 จุด เพิ่มขึ้น 2.75 จุด หรือ +0.63% และปรับตัวขึ้น 6.8% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,738.55 จุด เพิ่มขึ้น 69.58 จุด หรือ +1.04%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,397.04 จุด เพิ่มขึ้น 41.59 จุด หรือ +0.29% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,573.05 จุด เพิ่มขึ้น 61.05 จุด หรือ +0.81%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพุธ (30 พ.ย.) และปรับตัวขึ้นรายเดือนมากที่สุดในรอบ 2 ปี โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ขานรับความหวังที่ว่าอุปสงค์จากจีนจะฟื้นตัวขึ้น และความวิตกด้านการเมืองในอังกฤษคลี่คลายลง
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,573.05 จุด เพิ่มขึ้น 61.05 จุด หรือ +0.81% และปรับตัวขึ้น 6.7% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2563
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันพุธ (30 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งมุมมองบวกที่ว่าความต้องการใช้น้ำมันในจีนจะฟื้นตัว นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดน้ำมันด้วย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 2.35 ดอลลาร์ หรือ 3.01% ปิดที่ 80.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 2.40 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 85.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (30 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมีปฏิกิริยาเชิงลบต่อถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งกล่าวว่า ภารกิจของเฟดในการต่อสู้กับเงินเฟ้อนั้น ยังอีกยาวไกล ซึ่งนักลงทุนมองว่าเป็นการส่งสัญญาณถึงการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 3.8 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่ 1,759.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 34.5 เซนต์ หรือ 1.61% ปิดที่ 21.781 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 30.7 ดอลลาร์ หรือ 3.04% ปิดที่ 1,039.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 32.10 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 1,866 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ ( พ.ย.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.82% แตะที่ 105.9470
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 137.99 เยน จากระดับ 138.65 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9455 ฟรังก์ จากระดับ 0.9537 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3443 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3585 ดอลลาร์แคนาดา และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 10.5042 โครนา จากระดับ 10.5868 โครนา
ส่วนยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0414 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0331 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2055 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1950 ดอลลาร์
ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดทำการวานนี้ (30 พ.ย.) เนื่องในวันโบนิฟาซิโอ