นับถอยหลังเลือกตั้ง! โบรกคาด “การเมืองชัด” มองอนาคต SET บวก 9-14%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่า ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ตราขึ้นโดยถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ แม้ผู้ร้องเห็นว่ามีกระบวนการเตะถ่วงให้การพิจารณาเลยกรอบเวลา 180 วันตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า มาตรา 25 ไม่มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 และมาตรา 94 ตามที่อ้างว่ามาตรา 25 ไปยกเลิกมาตรา 130 ของร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2561 ทำให้ขัดและแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 93

นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (7 ต่อ 2) ว่ามาตรา 26 ไม่มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 และมาตรา 94 ตามที่อ้างว่ามาตรา 26 ไปยกเลิกมาตรา 131 ของร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2561 ขัดหรือแย้งต่อมาตรา 94 ซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวกับการคำนวณหาส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ด้วยสูตรหาร 100 และการเลือกตั้งด้วยบัตรสองใบ

จากประเด็นทางการเมืองในมุมมองของนักวิเคราะห์มองว่าเป็นบวกต่อตลาดทุนไทย โดยนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญล่าสุด เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น เพราะนักลงทุนเกิดความมั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแน่นอน และจากการศึกษาข้อมูลหรือสถิติในอดีต ตลาดหุ้นช่วงก่อนการเลือกตั้งนั้น พบว่าดัชนีจะให้ผลตอบแทนเป็นบวก 3-4%

อย่างไรก็ดี สถิติดังกล่าว จะมีการรวมการเลือกตั้งในช่วงปีที่มีการเกิดความวุ่นวายเข้ามาด้วย ซึ่งหากตัดในส่วนนี้ออกไป ดัชนี SET จะให้ผลตอบแทนก่อนการเลือกตั้งระหว่าง 9-14% และจากการประเมินสถานการณ์แล้ว คาดว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นล่าสุด ไม่น่าจะมีความวุ่นวายเหมือนก่อนหน้านี้

ส่วนกลุ่มหุ้นที่แนะนำก่อนการเลือกตั้งคือกลุ่ม Domestic Play เช่น ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ รับเหมา และวัสดุก่อสร้าง

ขณะที่นายทรงกลด วงศ์ไชย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ FSSIA มองว่า กรณีคำวินิจฉัยของศาลฯ เป็นบวกกับตลาดหุ้นไทย ทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งในเร็วๆ นี้แน่นอน  โดยคาดการณ์ว่า หากมีการยุบสภาในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2566 ก็น่าจะมีการเลือกตั้งในเดือน พฤษภาคม 2566

ทั้งนี้จากสถิติพบว่าตลาดหุ้นไทยจะมีผลตอบแทนเป็นบวกก่อนการเลือกตั้ง 3-5 เดือน โดยกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจ เช่น กลุ่มรับเหมา วัสดุก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มที่อิงกับเศรษฐกิจภายในประเทศ