UBA ปลื้ม! ขายไอพีโอเกลี้ยง 170 ล้านหุ้น ฤกษ์ดีเทรด 7 ธ.ค.นี้
UBA ปลื้มนักลงทุนจองซื้อหุ้นไอพีโอเกลี้ยง 170 ล้านหุ้น ชูผู้นำธุรกิจด้านการให้บริการจัดการน้ำ เดินระบบ และบำรุงรักษาแบบครบวงจร พร้อมลุยเทรด 7 ธ.ค.นี้
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ UBA เปิดเผยว่า ผลการจองซื้อหุ้นไอพีโอจำนวน 170,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท/หุ้น ในราคาหุ้นละ 1.70 บาท โดยในส่วนของการเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเมื่อวันที่ 28-30 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างคึกคัก เนื่องจากมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของ UBA ในฐานะผู้นำธุรกิจด้านการให้บริการจัดการน้ำ เดินระบบ และบำรุงรักษาแบบครบวงจร และเป็นบริษัทรายแรกที่เข้าระดมทุนในตลาดหุ้นไทย
ขณะเดียวกันการกำหนดราคาเสนอขายในครั้งนี้ อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับประมาณ 15.7 เท่า โดยเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 7 ธ.ค.65 ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า UBA ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ
“UBA ถือเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจในการลงทุน เนื่องจากเป็นหุ้นสาธารณูปโภคที่มีความสามารถในการทำกำไรอยู่ในระดับที่ดี ขณะเดียวกันมีฐานะเป็นผู้นำธุรกิจจัดการน้ำแบบครบวงจร และผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิของบริษัทฯ 3 ปีย้อนหลัง (ปี 62-64) เติบโตเฉลี่ยปีละ 69% และงวดเก้าเดือนแรกปี 65 มีรายได้รวม 553.50 ล้านบาท กำไรสุทธิ 50.82 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีระดับหนี้สินต่อทุน (DE) ต่ำในระดับ 1.03 เท่า” นายเอกจักร กล่าว
สำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้จำนวนไม่เกิน 170,000,000 หุ้น มีสัดส่วนการเสนอขายหุ้นประกอบด้วย การเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมของ บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR ตามสัดส่วนการถือหุ้นใน UBA (Pre-emptive Right) ไม่เกิน 15,300,000 หุ้น คิดเป็น 2.55% และผู้ถือหุ้นเดิมของ บริษัท สยามอีสต์โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SE ไม่เกิน 10,200,000 หุ้น คิดเป็น 1.70% ขณะที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปไม่เกิน 144,500,000 หุ้น คิดเป็น 24.08%
นายสมชาติ สังหิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร UBA กล่าวว่า บริษัทดำเนินธุรกิจจัดการน้ำแบบครบวงจรรายแรกที่เข้าระดมทุนในตลาดหุ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตในอนาคตได้เป็นอย่างดี โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวน 289 ล้านบาทเตรียมนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับโอกาสจากการเติบโตของอุตสาหกรรม เงินลงทุนพัฒนาระบบสารสนเทศ (Information System ) การวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสินค้าและบริการใหม่ และชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน
“บริษัทมั่นใจในการสร้างการเติบโตในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯมีจุดแข็ง ทั้งงานโครงการที่เป็น Backlog ยังไม่ได้ส่งมอบมูลค่ากว่า 1,422 ล้านบาท รวมถึงแผนการขยายงานในอนาคตของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นลูกค้ารายหลัก โดยในการรับงานประมูลของกทม. ที่มีแผนก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย และขยายอุโมงค์ระบายน้ำ
รวมทั้งมีกลุ่มลูกค้าเอกชน จะมีงานออกมาให้ประมูลอีกมูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท ในอีก 5 ปี ข้างหน้า รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้น ส่งผลทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการบำบัดน้ำเสียมากขึ้น ยังส่งผลให้บริษัทมีโอกาสสร้างรายได้และอัตรากำไรสุทธิที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
โดยในงวด 9 เดือนปี 65 บริษัทฯมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 64 ที่ 86.65 % และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน 32.54 % ขณะที่ในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า คาดการณ์ว่าบริษัทจะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น” นายสมชาติ กล่าว