5 อันดับหุ้น SET50 ราคา “พุ่ง-ดิ่ง” แรงสุด 11 เดือน
เปิด 5 อันดับหุ้น SET50 ราคา “พุ่ง-ดิ่ง” มากที่สุดในรอบ 11 เดือน (ม.ค. - พ.ย.65) พบ BH โกยรีเทิร์นสูงสุด 61% สะท้อนกำไรโตแกร่ง ส่วน KCE ร่วงสูงสุด 45% เซ่นพิษเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลราคาหุ้นกลุ่ม SET50 ที่ราคาปรับตัวขึ้นแรงและราคาปรับตัวลดลงแรงในรอบ 11 เดือน โดยเปรียบข้อมูลราคาหุ้นปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.64 – 30 พ.ย.65 โดยได้คัดเลือกมา 5 อันดับแรกของกลุ่มที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว ประกอบด้วย
กลุ่มหุ้น SET50 ราคาปรับตัวขึ้นแรงในรอบ 11 เดือน 5 อันดับแรก ประกอบด้วย บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH, บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP, บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB, บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC และบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ดังตารางประกอบ
สำหรับอันดับ 1 ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 11 เดือน คือ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH โดยในวันที่ 30 พ.ย.65 ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 227 บาท คิดเป็นการปรับตัวขึ้น 61% จากระดับ 141 บาท ณ ราคาหุ้นปิดตลาดวันที่ 30 ธ.ค.64 โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นคาดว่าสะท้อนมาจากการเติบโตของผลการดำเนินงานในช่วงปี 65 ที่มีการเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่น
โดยบล.ดาโอ คงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น BH ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 265 บาท อิง PER ปี 66 ที่ 40 เท่า จาก 245 บาท อิง PER ปี 66 ที่ 45 เท่า มีมุมมองเป็นบวกต่อ outlook ของ BH มีปัจจัยสำคัญดังนี้ 1) ผู้บริหารมองว่า medical tourism ยังเติบโตดีต่อเนื่องโดยเฉพาะผู้ป่วยกลุ่ม Middle east และ Indochina อีกทั้งทาง BH จะเน้นการเพิ่ม penetration rate ในตลาดใหม่ อาทิ ซาอุดิอาระเบีย ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้เพียง 1% เท่านั้น 2) บริษัทคงนโยบายลดการ discount ค่ารักษาเพื่อให้กลับคืนสู่ระดับ pre-covid ที่ 9.5% จาก 12.4% ณ ปัจจุบัน และ 3) มีการวางแผนปรับปรุงอาคาร ห้องพักและคลินิกต่างๆ และเปิดศูนย์ประสานงานที่ภูเก็ต ปัจจุบัน BH มีกำลังเตียงรองรับคนไข้ 478 เตียง อัตราการครองเตียง 80% และในไตรมาส 4/65 จะมีเตียงเพิ่มอีก 65 เตียง
ทั้งนี้ได้ปรับประมาณการกำไรปี 65 ขึ้น 26% เป็น 4,992 ล้านบาท เติบโต 311% เมื่อเทียบจากปีก่อน และปรับกำไรปี 66 เพิ่ม ขึ้น 26% เป็น 5,270 ล้านบาท เติบโต 5% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากปัจจัย pent-up demand รวมถึงการเปิดห้องพักเพิ่มเพื่อรองรับผู้ป่วย และนโยบายการลด discount ค่ารักษาลง
ส่วนหุ้น SET50 ราคาปรับตัวลงแรงในรอบ 11 เดือน 5 อันดับแรก ประกอบด้วย บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE, บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC, บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD, บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน), หรือ TIDLOR และบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ดังตารางประกอบ
สำหรับอันดับ 1 ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 11 เดือน คือ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE โดยในวันที่ 30 พ.ย.65 ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 48.25 บาท คิดเป็นการปรับตัวลง 45% จากระดับ 88 บาท ณ ราคาหุ้นปิดตลาดวันที่ 30 ธ.ค.64 โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงสะท้อนผลกระทบเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปัญหาการขนส่งสินค้า หลังจีนล็อคดาวน์ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้บล.เอเอสแอล คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น KCE มองผลประกอบการไตรมาส 3/65 เป็นที่น่าพอใจ โดยกำไรงวด 9 เดือนปี 65 คิดเป็น 75.6% ของประมาณการกำไรเดิมในปี 65 ที่ 2,403 ล้านบาท หรือ 2.03 บาทต่อหุ้น จึงปรับประมาณการปี 65 เพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับภาวะบาทอ่อน แต่ปรับประมาณการกำไรปี 66 ลงเล็กน้อย โดยประเมินกำไรปี 66 ใหม่ไว้ที่ 2,857ล้านบาท หรือ 2.42 บาทต่อหุ้น ลดลง 8.4% จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 3,120 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นปี 66 จะเติบโตเหลือ 16.2% จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะเติบโต 29.7% ดังนั้นจึงปรับลดราคาเป้าหมายปี 66 จาก 92 บาท ลดลงเหลือ 70.50 บาท