ส่อง 17 หุ้น ราคาทะยานเกิน 50% รอบ 11 เดือน 

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่ราคาปรับตัวขึ้นแรงเกิน 50% ในรอบ 11 เดือน โดยเปรียบเทียบข้อมูลราคาหุ้นปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.64 – 30 พ.ย.65 ซึ่งได้คัดเลือกมา 17 อันดับแรกของกลุ่มที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว ตามตารางดังนี้

บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG โดยในวันที่ 30 พ.ย.65 ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 13.90 บาท คิดเป็นการปรับตัวขึ้น 357.24% จากระดับ 3.04 บาท ณ ราคาหุ้นปิดตลาดวันที่ 30 ธ.ค.64 สำหรับราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นคาดสะท้อนการเติบโตของผลการดำเนินงานปีนี้ที่มีแนวโน้มโดดเด่น หลังบริษัทสามารถคว้างานได้มากขึ้น

โดย นายอภิชาติ สระมูล ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TEAMG ระบุว่า เมื่อเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โครงการเมกะโปรเจกต์ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน เริ่มทยอยประมูลโครงการต่างๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ บริษัทมีความพร้อมที่จะเสนองานโครงการต่างๆ โดยใช้จุดแข็งด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมก่อสร้างที่สามารถลดการใช้ทรัพยากรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐที่ต้องการลดปริมาณมลภาวะเป็นพิษต่อโลก จึงส่งผลให้บริษัทมีงานในมือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดส่งเสริมให้บริษัทมีรายได้เติบโตตามเป้าหมายปี 65 ที่วางไว้ 10%

บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB โดยในวันที่ 30 พ.ย.65 ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 19.70 บาท คิดเป็นการปรับตัวขึ้น 109.57% จากระดับ 9.40 บาท ณ ราคาหุ้นปิดตลาดวันที่ 30 ธ.ค.64 สำหรับราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นนั้นคาดมาจากแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้จะเติบโตโดดเด่น

ทั้งนี้บริษัท หลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดผลประกอบการไตรมาส 4/65 จะเติบโตต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้จากนักเรียน 3,044 คนเต็มไตรมาส อีกทั้งเริ่มเกิด Economies of Scales เนื่องจากจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นเร็วกว่าบุคคลากร และค่าเสื่อราคาโรงเรียนเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ จึงแนะนำ “ซื้อ” Bloomberg Consensus 20.85 บาท

บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ KAMART ในวันที่ 30 พ.ย.65 ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 7.75 บาท คิดเป็นการปรับตัวขึ้น 108.33% จากระดับ 3.72 บาท ณ ราคาหุ้นปิดตลาดวันที่ 30 ธ.ค.64 ซึ่งราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นคาดสะท้อนผลการดำเนินงานในปีนี้ที่จะเติบโตโดดเด่น

โดย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรปกติไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 107 ล้านบาท เติบโต 75% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 22% จากไตรมาสก่อน นำโดยยอดขายตลาดในประเทศที่เติบโตแข็งแกร่ง และช่องทางอื่นๆ และ GPM ที่ 50.5% จึงได้ปรับประมาณการกำไรปี 65 ขึ้น 31% ส่วนปี 66 ปรับขึ้น 14% และปี 67 ขึ้น 11% นอกจากนี้บริษัทฯ จะเปิดตัวแบรนด์ร่วมกับเซเลบริตี้อย่างน้อย 3 แบรนด์ในไตรมาส 1/66 เพื่อกระตุ้นยอดขาย

บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP โดยในวันที่ 30 พ.ย.65 ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 20.60 บาท คิดเป็นการปรับตัวขึ้น 73.11% จากระดับ 11.90 บาท ณ ราคาหุ้นปิดตลาดวันที่ 30 ธ.ค.64 สำหรับราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมานั้นคาดได้รับปัจจัยบวกจากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ขยายตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน จาก (1) รายได้ทั้งในและต่างประเทศเติบโตเป็นประวัติการณ์หลังโควิดคลี่คลาย การบริโภคในประเทศฟื้นตัวสินค้าใหม่ได้รับการตอบรับที่ดีต่อเนื่อง อาทิ Jele Chewy รสใหม่, Jele (new packaging) ยอดขายทำสถิติใหม่ ด้านรายได้เวียดนามขยายตัว 90% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 64% จากไตรมาสก่อน, (2) GPM ขยายตัวจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง และ (3) ค่าใช้จ่าย SG&A expenses ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ จึงได้ประเมินกำไรปกติปี 65 อยู่ที่ 529 ล้านบาท เติบโต 71% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 30 บาท

บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FORTH โดยในวันที่ 30 พ.ย.65 ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 36.50 บาท คิดเป็นการปรับตัวขึ้น 72.17% จากระดับ 21.20 บาท ณ ราคาหุ้นปิดตลาดวันที่ 30 ธ.ค.64 สำหรับราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นคาดสะท้อนผลการดำเนินงานที่จะออกมาเติบโตโดดเด่น

โดย บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดไตรมาส 4/65 พร้อมไปต่อโดยมีคำสั่งซื้อและ โครงการใหม่รองรับไปถึงปีหน้าแล้ว ส่วนตู้เต่าบินมีโอกาสขยายไปต่างประเทศ โดยจะขายตู้ด้วยอัตรากำไรที่ไม่สูงแต่จะมีส่วนแบ่งรายได้และถือหุ้นด้วย หนุนภาพรวมกำไรหลักปี 66 เติบโตแกร่ง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 52 บาท