DITTO ผนึก TEAMG ตั้ง “DTX” ปั้นเทคโนโลยี “Digital Twin” คาด 5 ปีรายได้ 400 ลบ.
DITTO-TEAMG ร่วมทุนตั้ง “DTX” ปั้นเทคโนโลยี “Digital Twin” เจาะกลุ่มลูกค้ารัฐวิสาหกิจ-เอกชนขนาดใหญ่ ปี 66 เล็งเปิดแอปฯ ตัวช่วยเลือกซื้อที่ดิน มั่นใจ 5 ปีรายได้ 400 ลบ.
นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO เปิดเผยว่า DITTO และ TEAMG ร่วมทุนตั้งบริษัท ดี ที เอ็กซ์ จำกัด หรือ DTX เพื่อร่วมดำเนินงานโครงการนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดจากความเชี่ยวชาญที่เป็นจุดแข็งของทั้ง DITTO และ TEAMG มาพัฒนาร่วมกัน โดย DTX จะทำธุรกิจที่เป็น Core Technology ที่เรียกว่า Digital Twin ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ทั้งสองบริษัทถือหุ้นเท่ากันฝ่ายละ 50% ของทุนจดทะเบียนและจำนวนหุ้น
“DITTO มีทีมพัฒนา มีโปรแกรมเมอร์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการนำ DATA เข้าสู่ระบบ Digital ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ส่วน DTX ก็มีลักษณะคล้ายๆ กับธุรกิจหลักของ DITTO แต่เป็นการนำข้อมูล ด้านการก่อสร้าง ระบบสาธารณูปโภค ซึ่งถือเป็นข้อมูลประเภทหนึ่งเพื่อ transform มาสู่ระบบ Digital เช่นเดียวกัน ปกติ DITTO นำเอกสารเข้าสู่ระบบ Digital แต่ DTX นำข้อมูลระบบสาธารณูปโภคมาเก็บแทน เป็นการเพิ่มมูลค่าการตลาด เพราะระบบงานก่อสร้าง ระบบสาธารณูปโภค เป็นโครงการขนาดใหญ่มีมูลค่าสูงซึ่งทั้งงานก่อสร้าง สาธารณูปโภค ระบบน้ำ ข้อมูลเหล่านี้ทาง TEAMG มีพร้อม โดย DITTO จะทำหน้าที่แปลงมาอยู่ในรูป Digital” นายฐกร กล่าว
ขณะที่มั่นใจว่ารายได้ในปี 2565 จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีงานรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 1,055 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาราว 240 ล้านบาท และเตรียมเข้าร่วมยื่นประมูลในช่วงเวลาที่เหลือของปีอีกราว 350 ล้านบาท ส่วนในปี 2566 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% และเตรียมเข้าร่วมประมูลในหลายโครงการใหญ่ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งคาดหวังจะได้รับงาน 100%
ส่วนดร.อภิชาติ สระมูล กรรมการผู้จัดการ TEAMG กล่าวว่า ทีมกรุ๊ปดำเนินงานด้านวิศวกรรมที่ปรึกษาแบบบูรณาการมายาวนานกว่า 45 ปี มีประสบการณ์ในการดำเนินงานโครงการขนาดใหญ่ (Mega Project) ทั้งของภาครัฐและเอกชน ทำให้เรามีองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญที่แข็งแกร่ง และฐานข้อมูลที่ทันสมัย และครอบคลุมหลากหลายสาขา ซึ่ง DTX จะนำข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่ระบบ Digital เพื่อให้เป็น Digital Information และนำมาปรับใช้ในการดำเนินโครงการต่างๆ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นจากในอดีต หนึ่งในนั้นคือ Building information Modeling (BIM) ซึ่งเป็นต้นแบบของ Digital Twin ทีมกรุ๊ปมีความเชี่ยวชาญในการนำ BIM มาใช้ในงานออกแบบและงานควบคุมการก่อสร้างโครงการ เราจึงมีความพร้อมที่จะประยุกต์ใช้ข้อมูลจาก BIM ในการสร้าง Digital Twin Data เปลี่ยนจากข้อมูลบนกระดาษเป็น Digital information ช่วยเพิ่มมูลค่าทางการตลาดในรูปแบบ Software ที่พัฒนาขึ้น ให้เป็นนวัตกรรมใหม่ที่พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต
ขณะที่ ผศ.ดร.พร วิรุฬห์รักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี ที เอ็กซ์ จำกัด หรือ DTX เปิดเผยว่า สำหรับเทคโนโลยี Digital Twin คือ แบบจำลองที่สะท้อนสถานะความเป็นจริงของวัตถุทางกายภาพ (Physical) ณ เวลานั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ (Digital) ที่เปรียบเสมือนคู่แฝดที่คนหนึ่งอยู่ในโลกกายภาพ (Physical) และอีกคนหนึ่งอยู่ในโลกคอมพิวเตอร์ (Digital) ซึ่งแบบจำลองฝาแฝดสามารถแสดงรายละเอียด และคุณสมบัติเทียบเท่าวัตถุจริง สามารถให้ข้อมูลแบบ Real Time และจะถูกนำไปพัฒนา ปรับปรุงระบบการทำงาน ประหยัดค่าใช้จ่ายและช่วยให้ตัดสินใจแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“อาจจะอธิบายง่าย ๆ ว่า Digital Twin เป็นการนำกายภาพของวัตถุนั้น ๆ เช่น ข้อมูลของอาคารสูงขนาดใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม ข้อมูลการก่อสร้าง ระบบน้ำ ระบบไฟ รวมถึงข้อมูลของเมือง ที่ปกติจะถูกบันทึกอยู่ในพิมพ์เขียว หรือเก็บไว้ในไฟล์คอมพิวเตอร์ทั่ว ๆ ไป แต่ Digital Twin คือการนำข้อมูลหรือพิมพ์เขียวนั้นมาอยู่ในแพลตฟอร์มที่เป็นระบบ Digital สามารถดูได้แบบ Real Time ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดและจะเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต
ผู้บริหารอาคาร ระบบสาธารณูปโภค อยากจะเห็นปริมาณการใช้ไฟฟ้าแบบ Real Time หากเป็นผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรม ก็อยากเห็นว่าปริมาณน้ำท่วมหลังจากฝนตกลงมาเป็นอย่างไร ตรงไหนท่วมหนัก ตรงไหนไม่ท่วม เพื่อจะได้มีการแจ้งเตือน หรือ ผู้ว่าฯ ของเมืองที่เราเรียก Smart City อาจจำเป็นต้องเข้าถึง CCTV ดูความปลอดภัย ดูการจราจร ดูสถานการณ์สิ่งแวดล้อม ดูความเสียหายของอุปกรณ์หรือเครื่องจักรต่าง ๆ เช่น เครื่องสูบน้ำ ไฟถนน หรือการเฝ้าสังเกตการใช้พลังงาน ตัว Digital Twin ก็จะสามารถส่งสัญญาณมาโดยตรง ปราศจากคนกลาง ทำให้ข้อมูลที่ได้รับถูกต้องแม่นยำโปร่งใสไม่ผิดเพี้ยน” ผศ.ดร.พร กล่าว
สำหรับประโยชน์ที่จะได้จาก Digital Twin คือ 1) ช่วยลดการพึ่งพาแรงงาน ด้วยการใช้เซ็นเซอร์ช่วยให้ข้อมูลหลั่งไหลเข้ามาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง 2) สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างฉับไวเพราะได้ข้อมูลที่เป็น Real Time ทำให้การตัดสินใจแก้ปัญหาได้ถูกต้องและทันท่วงที และ 3) ทำให้เห็นปัญหาที่เป็นภาพใหญ่ หรือเป็นแบบบูรณาการ จะทำให้องค์กรเกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เกิดนโยบายใหม่ๆ
สำหรับกลุ่มลูกค้านั้น ที่ผ่านมาจะเป็นลูกค้าที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีสินทรัพย์ ที่เป็นอาคารสาธารณูปโภคสำหรับขายจำนวนมหาศาลแต่มีอุปสรรคในการติดตาม ตรวจสอบ บำรุงรักษา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจางานกับลูกค้ารัฐวิสาหกิจ 4-5 ราย คาดสรุปผลชัดเจนในปี 2566 คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2566 เป็นต้นไป และมีแผนจะเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นคาดมีสัดส่วนงานภาครัฐ 80% และเอกชน 20%
นอกจากนั้นในปี 2566 DTX มีแผนจะนำเสนอแอปพลิเคชัน ที่เกี่ยวกับที่ดิน คือ การนำเอา DATA ที่เป็นจริงของสภาพแวดล้อมทางกายภาพ ณ เวลานั้น (Physical) มาวิเคราะห์ในโลกคอมพิวเตอร์ (Digital) เพื่อบริหารความเสี่ยงในการลงทุนในที่ดิน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะมีแอปพลิเคชันการบริหารนิคมอุตสาหกรรม โครงการสาธารณูปโภคด้านพลังงาน และการบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น ทั้งนี้ตั้งเป้าหมาย 5 ปี DTX จะมีรายได้แตะ 400 ล้านบาท